ยังคงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่แล้วเสร็จ..
กับเรื่องของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ที่สังคมกำลังตั้งคำถามกับการละเลงเม็ดเงินในกองทุนที่มีอยู่นับร้อยล้าน หรือหลายร้อยล้าน ไปกับกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานไฟฟ้าว่า เป็นไปตาม พระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 หรือไม่?
หลังจาก กกพ.ได้อนุมัติงบก้อนโตกว่า 120 ล้านบาทให้แก่ค่ายนักร้องดังและเจ้าของสื่อบันเทิงของเมืองไทย คือ บริษัท แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพในการจัดนิทรรศการการ “ไฟจากฟ้า” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องของพลังงานจากแสงอาทิตย์หรือโซล่าร์เซลส์ (อ่านรายละเอียด: เนตรทิพย์: Hot News ชำแหละ "ไฟจากฟ้า"..ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ! http://www.natethip.com/news.php?id=1356)
ดูกันชัดๆ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า มีไว้ทำอะไร?
งานนี้ทำเอาสังคมพากันตั้งข้อกังขาว่า เป็นการใช้งบผิดประเภทหรือผิดไปจากวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามมาตรา 97(5) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงานปี 2550 หรือไม่ เพราะตามมาตรา 97 นั้นกำหนดกิจกรรมที่กองทุนจะนำเงินไปใช้เอาไว้ดังนี้
(1) เพื่อการชดเชยและอุดหนุนผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าซึ่งได้ให้บริการแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ด้อยโอกาส (2) เพื่อการชดเชยให้ผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งต้องจ่ายอัตราค่าไฟฟ้าแพงขึ้นจากการที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้ากระทำการฝ่าฝืนมาตรา 87 วรรค2
(3) เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า (4) เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ (5) เพื่อการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า
เมื่อเจาะลงไปดูไส้ในการใช้งบของกองทุนฯ ในโครงการดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะมีการจัดนิทรรศการพอเป็นพิธีแล้ว ไฮไลท์ของการจัดโครงการนี้ยังไปอยู่ที่มหกรรมคอนเสิร์ตของนักร้องขวัญใจรุ่นป้าที่เปิดห้องรอยัล พารากอนฮอลล์ เอาใจแฟนคลับกันสนุกสุดเหวี่ยง โดยที่ประชาชนคนไทยโดยทั่วไปแทบจะไม่รู้เลยว่า “มันไปเกี่ยวอะไรกับไฟจากฟ้าหรือการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโซล่าร์เซลส์”
เออ! ถ้าให้ “พี่เบิร์ด-ธงไชย” ไปเปิดคอนเสิร์ตกลางแจ้งแสงแดดจ้าหรือคอนเสิร์ตที่เคลมได้ว่าใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลส์ ทั้งงานเพื่อฉายให้เห็นศักยภาพของไฟจากฟ้าว่า รับมือกับมหกรรมคอนเสิร์ตขนาดยักษ์นี้ได้อย่างไร ก็ยังพอทำเนา ยังพอจะตอบโจทย์และเป้าหมายกองทุนได้บ้าง
แต่นี่อะไรกลับไปเปิดคอนเสิร์ตในห้างสุดหรูจะต้องผูกหูกระต่ายไปเต้น ก็เลยไม่รู้ตาสีตาสา ยายมียายแม้นจะไปมีส่วนร่วมกันได้ยังไง
ฉงนศูนย์ “จรัส Light”..
ขณะที่ความวัวยังไม่ทันหาย ผู้คนยังไม่คลายความสงสัย ล่าสุด กกพ. ก็จัดใหญ่ไฟกระพริบอนุมัติงบอีกก้อนโตไม่รู้จักกี่สิบหรือกี่ร้อยล้านไปให้หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร จัดนิทรรศการ “จรัส Light” และเปิดศูนย์จรัส Lab ศูนย์เรียนรู้เรื่องพลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ ที่นัยว่า มีเป้าหมายจะเปิดให้นักเรียน นิสิตนักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไปได้เข้ามาเที่ยวชมนิทรรศการยังศูนย์เรียนรู้พลังงานแห่งนี้ตลอดช่วง 10 เดือนนับจากนี้
ทำเอาผู้คนในแวดวงพลังงานและผู้ที่เฝ้าติดตามเรื่องดังกล่าวได้แต่ “อึ้งกิมกี่” หนักยิ่งขึ้นไปอีก แม้ กกพ.จะอ้างว่า มีเป้าหมายเพื่อให้หอศิลป์ฯ ดังกล่าวเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานของทุกคน แต่ก็ก่อให้เกิด “คำถามย้อนแย้ง” กลับไปยัง กกพ. ว่า บทบาทของหอศิลปวัฒนธรรม กทม.นั้นไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องของพลังงานกระนั้นหรือ?
ประชาชนโดยทั่วไปหรือนิสิต นักศึกษาที่ชื่นชอบผลงานทางด้านศิลปวัฒนธรรมนั้น คือ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ กกพ.ต้องการให้เข้าถึง มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของพลังงานไฟฟ้า พลังงานทางเลือกอะไรที่ว่านั้นหรือ? และคนกลุ่มนี้คงเป็นเรือนหมื่นเรือนแสนคน จึงเป็นเป้าหมายที่ กกพ.จำเป็นต้องหว่านงบให้ผุดศูนย์จรัสแลปและศูนย์จรัสแสงอะไรต่อมิอะไรเอาไว้ในหอศิลป์ที่ว่านี้ เพื่อจะได้ทำการประชาสัมพันธ์แบบเบ็ดเสร็จครบวงจรในคราวเดียวกัน
มันใช่แน่หรือ? กลุ่มคนที่ชื่นชอบในผลงานศิลป์ และผู้คนโดยทั่วไปอันเป็นเป้าหมายที่กองทุนพัฒนาไฟฟ้าจะต้องเข้าไปสร้างความรู้ ความเข้าใจนั้นคือคนกลุ่มเดียวกันแน่หรือ? ท่านประธาน กกพ.ที่เคารพ!!!