จำกันได้ช่วงเดือน ธ.ค. 61 มีสองพรรคการเมืองใหม่ถอดด้าม จัดโต๊ะจีนระดมทุนเข้าพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.62 ท่ามกลางความสงสัยของคนไทยจำนวนมาก ถึงที่มาของเงิน ผู้บริจาคซื้อโต๊ะจีน ทั้งที่เป็นตัวบุคคล และนิติบุคคลโดยโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ น่าจะมีปัญหาที่สุด เนื่องจากมีสื่อมวลชนเห็นผังการจัดโต๊ะจีนว่าเป็นของกระทรวงใหญ่ถึง 20 โต๊ะ (60 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังระบุว่า เป็นโต๊ะจีนของ ททท. และ กทม. ทั้ง ททท. และ กทม. น่าจะเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร หรือไม่?ต่อมาเดือน มี.ค. 62 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาแถลงการณ์ว่าผิดหวังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐไม่ตรงกับคำร้องเนื่องจากเลขาฯ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง แถลงถึงการพิจารณาคำร้องกรณีพรรคพลังประชารัฐ จัดโต๊ะจีนระดมทุน 200 โต๊ะๆ ละ 3 ล้านบาท ได้เงินกว่า 650 ล้านบาท ว่าจากการตรวจสอบผู้บริจาค ที่มีนิติบุคคล 40 แห่ง และบุคคล 84 คน ไม่พบบุคคลต่างชาติร่วมบริจาคเงิน ถือว่าไม่มีความผิด และไม่เข้าข่ายถูกยุบพรรคงานนี้จัดอยู่ในประเภท ถาม “ม้า” ตอบ “ช้าง”! เพราะสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยไม่เคยร้องว่า เงินที่พรรคพลังประชารัฐ จัดระดมทุนโต๊ะจีนนั้น มีบุคคลต่างชาติบริจาคหรือไม่แต่คำร้องที่สมาคมฯ ร้องให้ กกต.ตรวจสอบ คือ 1. มีข้าราชการและหรือหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคทั้งทางตรงหรือทางอ้อมตามมาตรา 76 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่ อย่างไร?2. เงินที่นิติบุคคลบางแห่งบริจาค เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด เรียกว่าไม่สมฐานะ แต่ทำไมจึงมีศักยภาพในการบริจาคได้3. มีพนักงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น กทม. ททท. ฯลฯ มาร่วมซื้อโต๊ะและหรือบริจาคด้วยหรือไม่ ตามที่มีชื่อปรากฏในแผนผังการจัดโต๊ะจีนตอนนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว พรรคพลังประชารัฐไม่ถูกยุบพรรค! แต่พรรคที่มีแนวโน้มจะถูกยุบ คือ พรรคอนาคตใหม่ จากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคกู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท เพื่อใช้ทำกิจกรรมทางการเมือง และเลือกตั้งที่ผ่านมาเรื่องนี้จึงงานเข้า! เมื่อ กกต. มีมติเสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีนายธนาธรปล่อยกู้เงิน 191 ล้านบาทให้พรรค เพราะมีเหตุอันเชื่อได้ว่า เป็นการรับบริจาคเงินโดยแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมายเรื่องนี้สังคมไทยจึงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า “เงินกู้” ถือเป็น “รายจ่าย” หรือ “รายได้” หรือว่า “เงินกู้” เป็น “เงินบริจาค” พรรคที่ควรยุบกลับไม่ถูกยุบ แต่พรรคที่ไม่น่าถูกยุบ แต่พยายามจะยุบเขาให้ได้โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่รับเงินโต๊ะจีน จากบริษัทที่ประสบปัญหาการขาดทุนต่อเนื่องหลายปี จากบริษัทคู่สัญญากับรัฐวิสาหกิจ หรือจากบริษัทที่เคยได้งานจากรัฐบาล “ประยุทธ์ 1” เช่น งานระบายข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว ที่มีข่าวว่าเอาข้าวดีไปทำชีวมวล เอาข้าวดีๆ ไปทำอาหารสัตว์ แต่สุดท้ายวนกลับมาขายเป็นข้าวดีให้คนกิน ฟาดกำไรกันพุงกางจากพฤติการณ์เหล่านี้ จึงน่าจะ “ยุบ” ให้ถูกพรรค!!โดย..เสือออนไลน์