หากเป็นรัฐบาลปกติ รัฐบาลรักษาการรับรองได้ว่า เป็นได้ถูกนักวิชาการ เครือข่ายกำมะลอทั่วประเทศพาเหรดกันร้องศาลขอให้ระงับดำเนินการผูกพัน-สร้างหนี้ให้ประเทศกันแล้ว
แต่กับกรณีล่าสุดนั่นกลับเงียบเป็นเป่าสาก!
กับเรื่องที่ ”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกมาเผยภายหลังการประชุมติดตามเร่งรัดงานในส่วนของกระทรวงคมนาคมเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ว่า
ได้เร่งรัดให้บริษัทการบินไทย และกระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณาจัดซื้อเครื่องบิน 38 ลำ วงเงินลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาท ให้จบภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้!
พร้อมทั้งสั่งให้เร่งเจรจากับบริษัทแอร์บัสฯในการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) วงเงินลงทุน 1.05 หมื่นล้านให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังเร่งรัดให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เร่งลงทุนรันเวย์ที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิโดยเร็ว
ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง วงเงิน 2.24 แสนล้านบาทนั้น ได้เร่งรัดกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด หรือกลุ่มซีพี ให้ได้ข้อยุติภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วยเช่นกัน
ขณะที่โลกโซเชียลพากันแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า การจัดซื้อของมูลค่ามาหาศาลถึง 1.29 ล้านล้านบาทในระหว่างที่กำลังมีการเลือกตั้งอยู่ แถมไม่มีฝ่ายค้านด้วย
ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ซึ่งหากเป็นกรณีปกติช่วงรัฐบาลรักษาการ ก็เชื่อแน่ว่าบรรดานักวิชาการ และเครือข่ายต่างๆ คงจะเคลื่อนไหวออกมายื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้ระงับการดำเนินนโยบายที่มีผลผูกพันและสร้างภาระต่องบประมาณลงทุนของประเทศนับแสนล้านบาทแน่นอน!
ก็ไม่รู้ว่า ในข่วงที่ผ่านมานั้น ธุรกิจการบินมีอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกมากขนาดนั้นหรือ การบินไทยถึงจัดทำแผนสยายปีก ขยายกิจการและจัดซื้อเครื่องบินกระหึ่มถึง 38 ลำ มากกว่าแผนที่นำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)ก่อนหน้านี้ ที่จัดทำแผนจัดซื้อไม้แค่ 23 ลำ
แต่คล้อยหลังเพียง 3 เดือน กลับจัดทำแผนจัดซื้อเพิ่มขึ้นทะลักไปถึง 38 ลำ ทั้งที่สถานะขอการบินไทยก็หาได้มีกำไรทะลักทะล้นอย่างที่เข้าใจกัน
ตรงกันข้ามผลประกอบการของบริษัทการบินไทยนั้นปรับขาดทุนบักโกรกมาหลายปีต่อกัน!
โดย..แก่งหินเพิง