รัฐบาลขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไป 7-8 ครั้ง ผลาญงบประมาณ และจำกัดเสรีภาพคนไทยไปเท่าใด? สุดท้าย...ปล่อยให้ จนท.รัฐ “นำเข้าเชื้อโควิดฯ” ถึงคิวที่ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกันเสียที!
รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศขยายเวลาการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่มีสภาพบังคับใช้ได้ทั่วประเทศ มาต่อเนื่องยาวนาน 7-8 ครั้ง นับแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา...
ทุกครั้งของการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ สิ่งนี้...จะพ่วงมาด้วย 3 สิ่ง นั่นคือ..
1. อำนาจพิเศษที่มีมากมายและบังคับใช้ได้ทั้งประเทศ
2. กำลังพลจากกองทัพ ที่หากเป็นสถานการณ์ปกติ จะนำออกมาใช้งานไม่ได้
และ 3. งบประมาณพิเศษ ที่ นายกรัฐมนตรี สามารถจะดึงเอามาจากงบกลางฯในมือ นำไปใช้ได้อย่างสบายมือ เพราะมีกฎหมายพิเศษรองรับ
แรกๆ คนไทยต่างวิพากษ์ในเชิงลบ แต่พอบ่อยครั้งจนเกิดความชินชา และผลประจักษ์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลและหน่วยแพทย์สามารถจะ “เอาอยู่” จนชื่อชั้นด้านการสาธารณสุขของประเทศขึ้นชั้นระดับโลกไปแล้ว
เสียงก่นด่า...ก็เริ่มเบาหูลงในบัดดล!
กระทั่ง เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯรอบใหม่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 ธันวาคม 2563 หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร วันเดียวถึง 548 ราย
และมีแนวโน้มว่า...อาจขยายผลการติดเชื้อฯ จากพื้นที่ตลาดกลางกุ้ง ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร สู่จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ
ด้วยเหตุที่มีผู้คนมากมายจากต่างจังหวัด เดินทางไป-มา ระหว่าง...จ.สมุทรสาคร กับจังหวัดที่ตนพักอาศัย
ท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนไทยและช็อกคนทั้งโลก ก็มีข่าวลือออกมาจากหลายสาย และส่วนใหญ่ได้มาจากการสัมภาษณ์ “แรงงานต่างด้าว” กลุ่มผู้แพร่เชื้อไวรัสโควิดฯในประเทศไทย ที่พูดตรงกันว่า..
พวกเขาเสียเงินเป็นค่าใช้จ่าย ราว 6,000 – 10,000 บาทขึ้นไป ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐของไทย แลกกับการเดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านพรมแดน ทั้งที่เป็น...พรมแดนปกติและพรมแดนธรรมชาติ
สิ่งที่แรงงานต่างด้าวบอก นั่นคือ...เจ้าหน้าที่รัฐของไทย กำลังปล่อยให้มีการ “นำเข้าเชื้อโควิดฯ” ในประเทศไทย..
ใครคือเจ้าหน้าที่รัฐของไทย? ที่เกี่ยวข้องกับการ “รับส่วย” ปล่อยให้มีการ “นำเข้าเชื้อโควิดฯ”?
พูดกันตรงนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างนี้...คงไม่พ้น เจ้าหน้าฝ่ายความมั่นคง กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
โฟกัส...ไปที่ กองทัพและกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงมหาดไทย
คำถามคือ...หากสิ่งนี้เป็นจริงเช่นที่ แรงงานต่างด้าวบอก ยอมเปิดปากพูดแล้วล่ะก็..
รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำอย่างไรกับคนกลุ่มนี้?
หรืออย่างน้อย....ก็ควรจะสอบสวนและหาความจริงว่า เหตุที่แรงงานต่างด้าวเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกแล้วว่า...บ้านเมืองของพวกเขา กำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ อย่างรุนแรงนั้น
เพราะเจ้าหน้าที่รัฐของไทย...มีส่วนรู้เห็นเป็นอย่างหรือเปล่า?
ครั้งก่อน...คนในกองทัพ แอบขัดขืนจัดรายการชกมวย ทั้งที่มีคำสั่งห้ามเด็ดขาดแล้ว จนเกิดเหตุแพร่ระบาดไวรัสโควิดฯ ครั้งนั้น...แม้จะมีเสียงด่ากันขรมเมือง แต่คนไทยก็ให้อภัย...เพราะทุกอย่าง กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็ว
แต่ไม่ใช่กับปรากฏการณ์ในยามนี้...ที่พบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ รุนแรงมาก และกระจายตัวไปยังหลายๆ พื้นที่ เหมือนไฟลามทุ่ง โดยที่ยังไม่รู้ว่า..
จุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหน?
หากผลการสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า...ใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รัฐบาลภายใต้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ จำเป็นจะต้องนำข้อบังคับตามกฎหมายพิเศษนี้ มาใช้อย่างจริงจังกับกลุ่มนำที่ปล่อยให้มีการ “นำเข้าเชื้อโควิดฯ” ในประเทศไทย อย่าง...รวดเร็วและรุนแรง!
จะลูบหน้าปะจมูกไม่ได้เป็นอันขาด
อย่าลืมว่า...พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯนั้น ไม่เพียง...ผลาญงบประมาณแผ่นดิน ในการดึงเอาคนจากองทัพมาทำงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้อำนวยการฯ
หากยังจำกัดสิทธิและเสรีภาพในบางเรื่องของคนไทย ที่จะต้องปฏิบัติตน โดยไม่ขัดขืนกับกฎหมายพิเศษฉบับนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กองทัพ กระทรวงมหาดไทย และศบค. จะต้องเร่งรีบ “กำจัดจุดอ่อน” ในภาวะวิกฤตความศรัทธาล้มเหลว เริ่มขยายตัวไปทั่วประเทศ...โดยเร็ว!!!