สถานการณ์บ้านเมืองในปี 63 มีประเด็นน่าสนใจอยู่ 3 เรื่อง คือ..1. ปัญหาเศรษฐกิจซบเซามาอย่างต่อเนื่องภายใต้การบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจเดินเบาเต็มที จนเกือบจะดับ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า ส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว ทำให้รัฐบาลต้องจัดงบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 58 จนถึงปัจจุบันติดลบกว่า 2 ล้านล้านบาท และคงอยู่ในสภาพนี้ไปอีกหลายปี จึงต้องกู้เงินมาโปะงบประมาณขาดดุล และนำเงินกู้ไปทำโครงการประชานิยมต่างๆ ตามที่สื่อมวลชนตั้งฉายาให้รัฐบาลว่า “VERY กู้”2. ปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือน มี.ค.63 เรื่อยมา ยิ่งทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ลงไปอีก แต่พอเริ่มมีสัญญาณที่จะฟื้น ผู้คนออกไปจับจ่ายใช้สอย และเดินทางท่องเที่ยว แต่โควิด-19 กลับมาระบาดหนักรอบใหม่ช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคในแต่ละวัน 100-200 คนขณะที่คนไทยไม่รู้ว่าจะได้รับวัคซีนเมื่อไหร่ หลังจากรัฐบาลอนุมัติงบกว่า 6 พันล้านบาท สั่งจองซื้อวัคซีนไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ออกมาท้วงติงว่าล่าช้าไปหรือไม่? เพราะปัจจุบันทั่วโลกมีวัคซีนโควิดที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ฉีดในภาวะฉุกเฉินแล้วถึง 6 ชนิด ทั้งของจีน รัสเซีย อเมริกา และอเมริการ่วมกับเยอรมัน ส่วนวัคซีน AstraZeneca ที่ไทยรอคอยอยู่ ยังไม่สิ้นสุดการทดลอง“ทำไมประเทศไทยจึงช้าในเรื่องวัคซีนโควิด เพราะเรามุ่งอยู่กับวัคซีนไวรัส เวกเตอร์ของ AstraZeneca อย่างเดียวหรือ? ยังทดลองไม่เสร็จ และยังไม่มีประเทศไหนขึ้นทะเบียน เราไม่ควรยึดติดอยู่กับวัคซีนบริษัทใดบริษัทหนึ่ง มีวัคซีนให้เลือกในขณะนี้หลายบริษัท แม้กระทั่งของจีน ยุโรป อเมริกา” นพ.ยง ตั้งข้อสังเกตไว้3. ปัญหาทางการเมืองที่ร้อนแรงมาก ทำให้คอการเมืองเองก็คาดไม่ถึง หลังจากกลุ่มคณะราษฎร 63 ทั้งประชาชน นักเรียนมัธยม นิสิต นักศึกษา ทั่วประเทศออกมาเคลื่อนไหวและชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ พร้อมด้วยข้อเรียกร้อง 3 ข้อ แบบทะลุเพดานคือ.. 1. ให้พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพลาออกจากตำแหน่ง 2. ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ไม่เอา ส.ว. 250 คน ที่มาจากการลากตั้ง 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำผู้เคลื่อนไหวหลายสิบคน คนละหลายคดี รวมทั้งคดีตามมาตรา 112 ด้วยปัจจุบันเข้าสู่ปีใหม่ 2564 เชื่อแบบ 100 % ว่าปัญหา 3 เรื่องนี้ยังคง “วนลูป” เป็นวงกลมอยู่กับคนไทย แต่จะหนักขึ้น ทั้งปัญหาเศรษฐกิจจะสาหัสกว่าเก่าแน่นอน การทำมาค้าขายฝืดเคือง ผู้คนยังท่องเที่ยวกันไม่ได้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงมากกว่า 83% ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 63ยิ่งถ้ารัฐบาลตัดสินใจประกาศ “ล็อคดาวน์” คงดูไม่จืด ประชาชนจะเดือดร้อนหนักเป็นวงกว้าง และคราวนี้รัฐบาลคงไม่มีเงินมาแจกจ่ายเหมือนช่วงกลางปี 63 เนื่องจาก “VERY กู้” ไว้ใกล้ทะลุเพดานแล้วเหมือนกันในขณะที่โควิด-19 รอบใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะแพร่ระบาดไปอีกกี่เดือน ถ้ายิ่งนาน ยิ่งเดือดร้อนกันอย่างแสนสาหัสอย่างแน่นอน แล้วปัญหาสำคัญ ไม่รู้ว่าคนไทยจะได้ใช้วัคซีนกับเขาเมื่อไหร่ ตามที่นายแพทย์ยง ตั้งข้อสังเกตไว้ข้างต้นสำหรับปัญหาทางการเมือง เชื่อว่าการที่เจ้าหน้าที่รัฐนำมาตรา 112 มาดำเนินคดีกับแกนนำผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนี้ อาจจะไม่ “ขลัง” เหมือนอดีตที่ผ่าน เนื่องจากกลุ่มผู้ถูกดำเนินคดีจัดอยู่ในประเภท “ดื้อยา” แล้วที่สำคัญองค์กรระหว่างประเทศ และสังคมโลกกำลังจับตาการใช้มาตรา 112 เป็นพิเศษ!การเมืองในปี 64 จึงมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เนื่องจาก 3 ข้อเรียกร้องของคณะราษฎร 63 ยังไม่ได้รับการสนองตอบจากฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่ไปถึงไหน เพราะมีเกม “ถ่วงเวลา” ไว้ตลอด เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ และ ส.ว. 250 คน ไม่มีความจริงใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดังนั้น “ระเบิดเวลา” ลูกใหญ่ในปี 64 อยู่ที่ปัญหาความล่าช้าของการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย นี่แหล่ะ! โดย..เสือออนไลน์