พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่คน “คิดน้อย” แต่การโชว์ “การ์ดตก - ไม่สวมแมสก์” สะท้อน “ไร้ภาวะผู้นำ” และอาจเพราะต้องการส่ง “แมสเสจ” บางอย่าง? ไปยังใครบางคน? เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับปรับเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจรัฐใหม่หรือไม่?
“ภาวะผู้นำ” ที่ “ผู้นำองค์กร” แสดงออกในทุกครั้ง ยามต้องนำองค์กร...ก้าวพ้นและออกจากปัญหาขั้นวิกฤตการณ์นั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น! ระดับ “หัวใจ” ที่ทุกองค์กร...จำเป็นต้องได้ “ผู้นำองค์กร” ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้
การได้ “ผู้นำฯ” ที่ไร้...“ภาวะผู้นำ” นับเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต! ยามที่องค์กรต้องเผชิญกับสารพัดปัญหาถาโถมใส่
ระดับประเทศ...ยิ่งต้องได้ “ผู้นำฯ” ที่มากด้วย “ภาวะผู้นำ” จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาในทุกๆ ระดับที่เกิดขึ้น!
กรณีการปล่อยให้เกิดการระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 และเป็นการระบาดผ่านการ “นำเข้า” สายพันธุ์อังกฤษ จากประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา) ทั้งที่ “อำนาจรัฐ” ตกอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ “ผอ.ศบค.” ถือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพียงลำพังคนเดียวแท้ๆ
ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึง “ภาวะผู้นำ” ของ พล.อ.ประยุทธ์!
มากกว่านั้น...การที่คนระดับ “รัฐมนตรี” ถูกแฉพฤติกรรม “เสพสุข” อยู่ในที่ “อโคจร” โดยไม่ปกป้องตัวเองจากเชื้อไวรัสตัวร้าย ทำนอง...โชว์ “การ์ดตก”
ทั้งที่ก่อนหน้านี้...พล.อ.ประยุทธ์ ด่ากราด และกล่าวหาประชาชน “การ์ดตก” จนทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ
สะท้อนการเลือกปฏิบัติ! กับคนใกล้ตัวหรือไม่?
ไม่แปลก! หากคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย จะส่งเสียงดังๆ ให้ได้ยินถึงการบริหารสถานการณ์...การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ที่ล้มเหลว
เป็น “รัฐล้มเหลว” ทั้งในเชิงสาธารณสุขและเศรษฐกิจ!
เสียงเหล่านี้...เดินทางไปไม่ถึงหูของ พล.อ.ประยุทธ์ ล่ะหรือ? ก็ไม่น่าจะใช่...ต่อให้คนใกล้ตัว “ปิดข่าว” กันอย่างไร? ก็ไม่อาจปิดกั้น...การรับรู้อารมณ์ของสังคมไทยได้
ยิ่งเจ้าตัว...บังคับกลายๆ ให้หน่วยงานรัฐ ต้องเร่งออกกฎเกณฑ์กติกา เพื่อบังคับให้คนไทยต้อง “ไม่การ์ดตก” ทุกคนต้องใส่แมสก์ออกจากบ้าน
แม้กระทั่ง อยู่ในรถยนต์ส่วนตัว...2 คนขึ้นไป ยังต้องใส่แมสก์ ไม่งั้น...มีโทษปรับ! สูงสุดตามคำสั่งศาลถึง 2 หมื่นบาท
เรื่องนี้...คนไทยต่างรู้กันทั่ว
มีคนเดียวที่ไม่รู้? นั่นคือ...คนถืออำนาจสูงสุดในรัฐบาลนี้
เพราะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตัวทำ “โชว์การ์ดตก” ด้วยการไม่ใส่แมสก์ ระหว่างเข้าร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษาฯ เกี่ยวกับการจัดหาและการกระจายวัคซีน เมื่อช่วงสายของวันที่ 26 เมษายน 2564 ณ ห้องประชุมสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล
หลายคนตีความไปต่างๆ นานา...
พล.อ.ประยุทธ์ จงใจสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อโชว์ว่า...ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎกติกานี้ หากไม่ทำ...แม้แต่คนเป็น “หัวหน้ารัฐบาล” เอง ก็ยังต้องเสียค่าปรับ
แล้วก็เรียกให้...กรุงเทพมหานคร และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาทำการเปรียบเทียบปรับกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จงใจสร้างสถานการณ์ขึ้นมานั้น หลายคนเชื่อว่าเป็นจริง! แต่จะด้วยเหตุผลที่ต้องการจะโชว์ว่า...ตัวเองทำตามกฎกติกาที่หน่วยงานรัฐ ตั้งเอาไว้ล่ะหรือ?
ไม่น่าจะใช่! เพราะได้ไม่คุ้มเสีย! กับการจะสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็น “ผู้นำ” และการมี “ภาวะผู้นำ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีเพียงแค่นี้
แล้วทำไม? คนระดับนี้...จึงต้องทำเช่นนั้น
ถึงวันนี้...พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะก้าวข้ามความเป็นคน “คิดน้อย” ไปแล้ว เพราะถ้า “คิดน้อย” จริงๆ คงไม่อยู่บริหารประเทศมา 2 รอบ รวมเวลาเกือบ 7 ปีเต็ม อย่างแน่นอน..
ถ้าไม่ใช่คน “คิดน้อย” นั่นก็แสดงว่า...การโชว์ “การ์ดตก” รอบนี้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ “คิดเยอะ” ใช่หรือไม่?
ก็หากดูจากปัจจัยและสถานการณ์รอบด้าน...ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดระลอก 3 เฉพาะแค่เดือนเมษายน มีคนติดเชื้อไวรัสโควิดฯใหม่ ไปแล้วกว่า 2 หมื่นราย ทำให้ยอดสะสมรวมทะลุ 6 หมื่นราย และมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 160 คน
ท่ามกลางอัตราการติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ กลับเกิดกระสแข่าวตามมาทำนอง...โรงพยาบาลรับคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคโควิดฯไม่ได้ ต้องปฏิเสธกันไป บ้างก็ไม่ไปรับผู้ป่วยฯ จนตายคาห้อง
ขณะที่แม้หลายฝ่ายจะช่วยกันเพิ่มจำนวนโรงพยาบาและเตียงสนามฯ ทว่าก็ยังไม่เพียงต่อจำนวนผู้ป่วยฯใหม่
สงสารก็แต่..แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ที่แทบจะไม่ได้พักผ่อน เพราะต้องรับมือกับภาวะโควิดฯ ตลอด 24 ชั่วโมง แล้วยังต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อฯ อีก
การจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ ที่ทั้งล่าช้าและไม่เพียงพอ แถมยังจำกัดเฉพาะ...วัคซีนบางยี่ห้อ? จนหลายคนนำไปผูกโยงกับการหาผลประโยชน์ร่วมกับเจ้าสัวฝั่งเอกชน ที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทผลิตวัคซีนยี่ห้อดังกล่าว
เท็จจริงนั่นเรื่องนึง แต่คนก็ลือ และบ้างก็เชื่อกันไปแล้ว..
ถึงตรงนี้...การฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทำได้แค่ไม่กี่แสนคน จากจำนวนประชากรเกือบ 70 ล้านคน เฉพาะที่ฉีดโดสเดียวมีมากหน่อย แต่ฉีดครบ 2 โดส...มีแค่เฉียดหลักแสน หรืออาจมากกว่านั้นก็คงไม่มาก...
แต่ก็ถือว่าน้อยมากๆ เพราะรัฐบาลทำได้แค่เพียง 0.1% ของประชากรไทย
สารพันปัญหาที่เกิดกับรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ยามนี้...ยากจะแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวของรัฐบาล หรือตัว “ผู้นำฯ” ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาในเรื่อง “ภาวะผู้นำ” เอง
พูดง่ายๆ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะลำบากใจมากที่สุดในยามนี้
ต่อให้อยากจะลาออกหรือยุบสภาฯ หนีปัญหา...ก็ทำไม่ได้ เพราะมีบางกลุ่มคน “ขวาง” อยู่...
อย่าลืมว่า...เบื้องหลังของ พล.อ.ประยุทธ์ มีอีกหลายคนที่คอยให้การสนับสนุน ทั้งกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มการเมือง กลุ่มคนมีสีและข้าราชการ ฯลฯ
คนเหล่านี้...ประสงค์จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งนี้...ต่อไป
คนที่ “คิดเยอะ” ..อย่าง...พล.อ.ประยุทธ์ อาจกำลังแสดงอาการ “ไร้ภาวะผู้นำ” ในแบบจงใจ เพื่อส่งต่อข้อความและภาพลักษณ์นี้ ไปยังกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง...หรือเปล่า?
เพราะน่าจะเป็นสิ่งเดียว...ที่อาจเปลี่ยนใจกลุ่มคนเบื้องหลังฯ ให้ต้องจำใจปรับเปลี่ยน “ผู้นำฯ” ด้วยการหาคนใหม่...ที่มี “ภาวะผู้นำ” สูงกว่า...มาเพื่อสถานการณ์นี้
สถานการณ์ที่ต้องนำพาประเทศไทยและคนไทย ก้าวพ้นไปจากปัญหาและวิกฤต ทั้งทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ โดยเร็ว..
แล้วปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พักผ่อน ในวันที่ตัวเอง...เหนื่อยล้าสุดๆ!