จากภาพเพลิงไหม้ รง.พลาสติก ถึงการบริหารจัดการโควิดฯ ที่อาจสะท้อนภาพความเป็น “รัฐล้มเหลว” หรือ Failed State ถึงเวลารึยัง? ที่บุคลากรทางการแพทย์ จะแสดงพลังขับไล่รัฐบาล เหมือนที่เคยได้รัฐบาลรับจำนำข้าว
ใครที่เห็นภาพ...เจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับเพลิง “พลีชีพ-เสียชีวิต” จากเหตุเพลิงไหม้ โรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก ของบริษัท หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด (เจ้าของเป็นชาวไต้หวัน) เลขที่ 87 หมู่ 15 ซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อช่วง “ตีสาม” ของเช้ามืดวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 แล้ว...
คงสะเทือนใจกันไม่น้อย!
ของอย่างนี้...ไม่น่าจะเกิดขึ้น! และไม่ควรต้องเกิดขึ้น หากเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมีอุปกรณ์ เครื่องไม้และเครื่องมือในการดับเพลิง โดยเฉพาะเพลิงที่เกิดขึ้นจากสารเคมี อย่างเพียงพอและพร้อมสรรพสำหรับการนำไปใช้ในภาวะเร่งด่วน...ฉุกเฉิน!
มองภาพเพลิงไหม้ ที่ ณ ขณะนี้ เพลิงถูกดับเรียบร้อยไปแล้ว จนไม่น่าจะมีเหตุร้ายใดๆ ตามมาได้อีก ก็ให้สะท้อนใจกับภาพการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงการจัดหาและกระจายวัคซีนป้องกันโควิดฯ ที่ดูเหมือนรัฐบาล โดย ศบค. จะไม่พร้อมสรรพสักเท่าใด?
รัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุชัด! รัฐบาลมีหน้าที่จัดหาและควักจ่ายเงินเพื่อจัดซื้อวัคซีน แล้วนำมาฉีดป้องกันให้กับประชาชน โดยประชาชนไม่ต้องควักจ่ายเงิน
แต่ภาพความเป็นจริงในสถานการณ์ปัจจุบัน คือ ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 โดสที่รัฐบาล โดยกระทรวงการสาธารณะสุข จัดหามาให้...ไม่อาจรับมือกับเชื้อไวรัสโควิดฯ ได้เลย
หลายคนดังในสังคมไทยเจอปัญหานี้ หนึ่งในนั้น...มี ครอบครัวของดาราสาว “แพนเคก เขมนิจ” และฮีโร่โอลิมปิค...นักกีฬาเหรียญทองมวยสมัครเล่น อย่าง...“สมรักษ์ คำสิงห์” ที่ติดเชื้อโควิดฯ แม้จะฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 โดสไปแล้ว
คงไม่ต้องตั้งคำถามถึงคุณภาพของวัคซีนจากจีนตัวนี้ แม้สังคมไทยอยากรู้ใจจะขาดว่า...เหตุใด? รัฐบาลไทยจึงต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนซิโนแวคในราคาต่อโดส...แพงกว่ารัฐบาลของหลายๆ ประเทศเฉียดเข็มละ 100 บาท
เงินส่วนต่าง...นับพันนับหมื่นล้านบาท ไหลไปอยู่ส่วนไหนของรัฐบาล ศบค. หรือแม้แต่คณะแพทย์ที่ปรึกษาฯ ให้กับ ศบค. หรือไม่? อย่างไร? ไม่อาจรู้ได้เลย!
แต่ที่แน่ๆ ตั้งข้อสังเกตว่า หาก 2 ข่าวนี้เป็นความจริง ก็น่าตกใจ!
หนึ่ง...รัฐบาล โดย ศบค. ออกคำสั่งลับๆ ให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมถึงคลินิกเอกชน ชะลอหรือหยุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดฯ เพราะไม่ต้องการเห็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ฯ เกิดขึ้นในอัตราที่ก้าวกระโดดมากจนเกินไป
ด้วยเหตุผล...บุคลากรทางการแพทย์และเตียงรักษาผู้ป่วย มีไม่เพียงพอ
สิ่งนี้...จะยิ่งทำให้คนที่ติดเชื้อฯและยังไม่ได้ตรวจหาเชื้อฯ กลายเป็น “พาหะ” แพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิดฯ โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว
ทำให้การติดเชื้อในหมู่ประชาชนคนไทย จะเพิ่มพูนและพรั่งพรูขึ้นอย่างมาก
อีกหนึ่ง...เอกสารการประชุมของคณะแพทย์ที่ดูแลการจัดหาวัคซีนโควิดฯ ถูกปล่อยหลุดออกมา กระทั่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ยอมว่าเป็นเรื่องจริง นั่นคือ...
ความเห็นของอาจารย์แพทย์บางคนในคณะทำงานฯชุดนี้ ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตทำนองว่า...
หากฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้อยู่ “แถวหน้า” คอยรักษาผู้ป่วยโควิดฯ และผ่านการฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 โดสแล้ว
จะทำให้ภาพลักษณ์ของทั้ง...คณะแพทย์ที่ปรึกษาฯ ศคบ. และรัฐบาล เสียหาย และเกิดอาการ “เสียหน้า” เพราะพวกเขาเคยยืนยันหนักแน่น ถึงคุณภาพของวัคซีนจากจีนตัวนี้ ว่า...ดีและเหมาะสมกับคนไทยแล้ว
ทั้งที่ความเป็นจริง! วัคซีนซิโนแวค...ไม่อาจป้องการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิดฯ สายพันธุ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะ สายพันธุ์เดลต้าจากอินเดีย ที่ผ่านเข้าไทยทางชายแดนมาเลเซียก่อนหน้านี้...ได้แต่อย่างใด?
ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ระดับ “ครึ่งพันคนต่อวัน” และมีอัตราการเสียชีวิตระดับ “ครึ่งร้อยคนต่อวัน” จึงปรากฏให้เห็นในทุกวันนี้ และมีแนวโน้มว่า...อาจจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมาย แม้จะมีคำสั่งลับๆ จากทางการ...ให้โรงพยาบาลของรัฐและเอกชน รวมถึงคลินิกเอกชน ต้องชะลอหรือหยุดการตรวจหาเชื้อโควิดฯ ไปแล้วก็ตาม
จากภาพอุปกรณ์ เครื่องไม้และเครื่องมือในการดับเพลิงที่ขาดแคลน จนถึงภาพที่บุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ เตียงสำหรับผู้ป่วย และอื่นๆ ขาดแคลน ไม่เพียงพอในการรับมือจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สะท้อนความล้มเหลวของภาครัฐ ในการบริหารจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ รวมถึงการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิดฯไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศ
ทั้งที่รัฐบาล ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ตั้งและถือ “งบกลาง” ในมือ...สูงถึง 6 แสนล้านต่อปี
เอางบตรงนี้มาใช้ รวมถึงลดทอน “งบจัดซื้ออาวุธ” ทางการทหาร แล้วนำมาจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์กรณีโควิดฯ และจัดซื้ออุปกรณ์ดับเพลิง กรณีเหตุเพลิงไหม ฯลฯ
ดีกว่าไหม???
ยิ่งถูกสำทับจาก “ข้อมูลหลุด-ข้อมูลรั่ว” กรณีคณะแพทย์ที่ปรึกษาฯ บางคน? ซึ่งอาจจะเป็น “อาจารย์แพทย์” ด้วยซ้ำ! กลัวการนำวัคซีนที่มีคุณภาพสูงกว่า...อย่างไฟเซอร์ ไปฉีดเป็นโดสที่ 3 ให้กับ “ลูกศิษย์” ที่เป็น ทีมแพทย์แนวหน้า ต่อสู้ในศึกโควิดฯ ด้วยแล้ว
หรือนี้...มันคือภาพความเป็น Failed State หรือ “รัฐล้มเหลว” กันแน่!
โรงพยาบาลรัฐและเอกชน ต้องสั่งซื้อวัคซีนฯที่มีคุณภาพสูงกว่าวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาให้...กันเอง
ประชาชนต้องจ่ายเงินกันเอง เพราะไม่เชื่อมั่นในคุณภาพของวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ที่รัฐบาลจัดหามาให้...
รัฐบาลเลือกที่จะ “ซื้อแพง” เฉพาะ วัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า เหมือนมีเงื่อนไขอะไรพิเศษระหว่างกันอยู่นั้น...
มิต่างจากความเป็น Failed State ใช่หรือไม่?
สังคมไทยไม่อยากเห็นภาพซ้ำรอยเดิม ที่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ “ทิ้งประชาชน” เพื่อออกมาขับไล่ “รัฐบาลลุง” เหมือนที่เคยทำกับ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เมื่อครั้งต่อต้าน...โครงการรับจำนำข้าว และการกู้เงินมาจ่ายให้กับชาวนาในโครงการที่ว่านี้
แต่ก็อยากได้ยินเสียงและเห็นภาพที่...แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ส่งตรงถึงรัฐบาล กับความล้มเหลวในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดฯ โดยเฉพาะประเด็น “ข่าวหลุด” ข้างต้น ที่กลายเป็นว่า...บรรดาอาจารย์เหล่านั้น ปกป้องรัฐบาล ปกป้อง ศบค. ปกป้องวัคซีนชิโนแวค และปกป้องภาพลักษณ์ของกลุ่มก้อนตัวเอง
มากกว่าชีวิตของคณะแพทย์ที่เป็นลูกศิษย์และประชาชนคนไทย
สังคมไทยอยากได้ยินเสียงและเห็นภาพของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในเชิงประจักษ์ ต่อสิ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานในสังกัดทำในทุกวันนี้...
จะแสดงความเห็นใดๆ หรือมีจดหมายเปิดผนึกใดๆ ถึงรัฐบาล รบกวนช่วยลงท้ายต่อในทำนอง...
ไล่ส่งรัฐบาล...ที่เหมือนจะตกอยู่ในภาวการณ์ Failed State ไปด้วยแล้วกัน!