เกมนี้ ถ้าขาใหญ่ไม่เป็นใจ มีหรือ? ที่ใครบางคนจะหาญกล้า เปิดยุทธการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ระหว่างศึกซักฟอก...อภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ เป็นยุทธการที่เดินคู่ไปกับ 2 ทฤษฎี นั่นคือ ทฤษฎี “สมรู้ร่วมคิด” และ “มิตรในหมู่ศัตรู (Frenemy)”ทฤษฎี “สมรู้ร่วมคิด” และ “มิตรในหมู่ศัตรู (Frenemy)” ได้ถูกขมวดปมรวมไว้ด้วยกัน ในยามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับอีก 5 รัฐมนตรีใน “รัฐบาลประยุทธ์” กำลังถูก ส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ลาวยาวไปจนถึงกลางดึกของคืนวันศุกร์ที่ 3 กันยายน 2564 แล้วจะกลับมายกมือเพื่อโหวตไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจในตัว นายกรัฐมนตรีและ 5 รัฐมนตรี ในช่วงสายวันรุ่งขึ้น ตัวแปรคนสำคัญในเกมการเมืองรอบนี้ อยู่กับ...เจ้าของสวนกล้วยรายใหญ่ นาม “ผู้กองนัฐ” หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตร ที่เพิ่งจะมีข่าวร้อนๆ เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ระหว่างทีมข่าว “สำนักข่าวเนตรทิพย์” กำลังนั่งปั่นต้นฉบับ กล่าวคือ... ข่าวที่ “เดอะเต้” นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ตามนี้เลย... “ข่าวว่า นายกรัฐมนตรี เซ็นคำ สั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รมช.เกษตรฯ แล้ว ถึงเวลาสงครามของผู้แทนของประชาชน+ประชาชนแล้ว ลุงคนดี vs ประชาชน” เท็จจริงนั่นเรื่องนึง แต่งานนี้...ไม่มีไฟ ย่อมไม่มีควัน! ทำไม “ผู้กองนัฐ” ถึงกลายเป็นตัวแปรคนสำคัญ? นั่นเพราะความรับผิดชอบในการดูแล ส.ส.กลุ่มใหญ่ของพรรคฯ อันเป็นภาระหนักอึ้งของ “แม่บ้านพรรคฯ” ในฐานะ “เลขาธิการพรรค” ที่จะต้อง “ผูกปิ่นโต” เป็นรายเดือนและรายประชุมสภาฯ แค่เก้าอี้ รมช.เกษตร คงไม่มีบารมีมากพอจะจัดสรรบางสิ่งบางอย่างให้กับ ส.ส.กลุ่มใหญ่เกินครึ่ง จากทั้งหมดเกือบ 120 ชีวิตแน่! แต่การจะขยับขึ้นไป นั่งเก้าอี้ “มท.1” ต้องสร้างบารมีและพลังอำนาจการต่อรองมากกว่านี้ เพราะเจ้าของเก้าอี้ตัวเดิม ที่นั่งมานานกว่า 7 ปีอย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ. อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีสถานะเป็น “พี่ของนายกฯ” และ “น้องของ หน.พรรค พปชร.” ทว่างานนี้...หากไม่มีสัญญาณจาก “พี่ใหญ่ 3 ป.” ถามว่า...ระดับ “ผู้กองนัฐ” จะกล้าหรือ!!?? พักคำตอบของคำถามนี้ แล้วหันไปดูประเด็นความขัดแย้งระหว่าง 2 พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ระหว่าง...เพื่อไทยและก้าวไกล ปมเหตุใดจึงไม่จัดหนัก ทั้ง...พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. กับ “ผู้กองนัฐ” ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้? กระทั่ง “พี่โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องส่งสัญญาณไปถึงแกนนำพรรคก้าวไกล ว่า...อย่าใจร้อน การเมืองต้องใจเย็นๆ และมองให้กว้าง สอดรับกับประเด็นที่ใครก็รู้ว่า...เกือบครึ่ง ส.ส.พลังประชารัฐ ถูกดูดมาจากพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านบางพรรค และเป็น “เลขาฯ พรรคเพื่อไทย” นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวก่อนหน้านี้ว่า...ครึ่งหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ ล้วนรู้จักและสนิทสนมกันดีกับคนของพรรคเพื่อไทย ยิ่งมีข่าว “ผู้กองนัฐ” วิ่งล็อบบี้ บรรดาพรรคเล็ก ประสานกับการเชื่อมถึงผู้ใหญ่ในพรรคฝ่านค้านบางพรรค? ด้วยหวังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง หลังจากคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ รู้สึกเบื่อหน่ายกับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เพราะ...ดันไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เกินความสามารถของตัวเอง! เช่นที่ “พี่โทนี่” วิพากษ์ระหว่างเปิดคลับเฮ้าส์...อภิปรายไม่ไว้วางใจคู่ขนานไปกับพรรคฝ่ายค้าน และครั้งหนึ่ง “ผู้กองนัฐ” เคยให้สัมภาษณ์ ทำนอง...ส.ส.ภาคเหนือ ไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคอื่นๆ ทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ล้วนอยู่ในกลุ่มก้อนของ “ส.ส.เหนือ” ที่มีรวมกันถึง 70 ชีวิต เฉพาะ ส.ส.ภาคเหนือ รวมกับส.ส.กลุ่ม “ผูกปิ่นโต” และจากฝ่ายค้านที่มี...ไม่แน่เหมือนกันว่า เสียงยกมือโหวตในสภาฯ ช่วงสายของวันที่ 4 กันยายนที่จะถึงนี้ อาจไม่เป็นเช่นที่ พล.อ.ประยุทธ์ คาดหวังเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อนๆ ยิ่งรัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดไว้ชัด! นายกรัฐมนตรีจะชิงยุบสภาฯ หนีเหตุสัญญาณความพ่ายแพ้ในเกมซักฟอกไม่ได้ ยิ่งเปิดกว้างให้ ส.ส.ที่เหินห่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ใกล้ชิดสนิมแนบอยู่กับ “ผู้กองนัฐ” หันมาโหวตล้มผู้นำรัฐบาลก็อาจเป็นไปได้สูง? ประหนึ่ง “เปลี่ยนม้ากลางศึก!” ด้วยหวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับรัฐมนตรี เพราะหากคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่า... “มท.1” คู่บารมี ก็จะไม่ใช่ “บิ๊กป้อม” แต่จะเป็น “ผู้กองนัฐ” แทน นั่นจึงเป็นสิ่งที่ “คอการเมืองไทย” ได้เห็นปรากฏการณ์ วิ่งเต้น...หวังล้ม! นายกรัฐมนตรี ในโควตาของพรรคตัวเอง และเพราะ “แม่บ้านพรรคฯ” คนที่คอยคนดูแล ส.ส.กลุ่มใหญ่ภายในพรรคฯ มีภาระใหญ่หลวงต่อเดือน และต่อการประชุมสภาฯแต่ละครั้ง จำเป็นจะต้องนั่งเก้าอี้ในสมฐานะ “เลขาฯ พรรคใหญ่” ของรัฐบาล ดุจเช่น...เลขาฯ พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ที่ต่างก็มีตำแหน่งสมฐานะตัวเองทิ้งนั้น ขาดก็แต่...เลขาฯ พรรคพลังประชารัฐ ส่วนการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาล จะขยายวงกว้างถึงขั้นสลับขั้วทางการเมืองหรือไม่? โดยมี “ผู้กองนัฐ” และ “บิ๊กป้อม” เป็นคนคุมเกมและเจรจากับบางพรรคการเมือง เลยหรือไม่? นาทีนี้อาจยังตอบไม่ได้! เหตุเพราะกองเชียร์...ฝั่งที่ไม่เอา “3 ป.” + “1 แป้ง” ยังรับไม่ได้กับทางเลือกนี้ ยกเว้น! “พี่โทนี่” จะกล่อมบรรดากองเชียร์ พร้อมกับยกแม่น้ำทั้ง 5 มาอ้าง โดยเฉพาะกับปมแก้ไขปัญวัคซีนโควิดฯ แก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ โฟกัสไปที่การมีการงานทำและมีรายได้ รวมถึงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ที่เป็นปัญหาหนักอก! ของ “รัฐบาลประยุทธ์” เหตุผลเหล่านี้...เชื่อว่าน่าจะ “เอาอยู่” หากจะรัฐบาลชุดใหม่ จะมี 2-3 พรรค ที่สลับขั้วจากพรรครัฐบาลชุดปัจจุบัน!!!