กลศึก “ศรีธนญชัย” ที่ฝ่ายไทยเคยเชี่ยวชาญในกลเกมการเมืองระหว่างประเทศมาตลอดนับร้อยๆ ปี อาจใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ในท่ามกลางเขาควาย ระหว่าง...สหรัฐฯ และจีน! สุดท้าย...รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ “นายกฯ ลุงตู่” จะนำพา “ชาติและประชา” ก้าวพ้นวิกฤต “ลูกแกะ” ในรอบนี้ได้หรือไม่? คนไทยต้องอย่าตั้งรับ!สัญญาณจาก “สายเหยี่ยว!” ที่ทางการสหรัฐอเมริกา ส่งไปถึง “รัฐบาลปักกิ่ง” รอบล่าสุด เกิดขึ้นที่ประเทศไทย ทันทีที่ นายเดวิด เอส โคเฮน (David S. Cohen) รองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เดินทางเข้าพบและหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงสายของวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาว่ากันว่า...การหารือรอบนี้ เป็นไปในแบบที่ไม่มีการแจ้งวาระล่วงหน้า กระนั้น 2 คนนี้ ก็ใช้เวลาพูดคุยยาวนานราว 45 นาทีพูดเรื่องอะไร? โฟกัสประเด็นไหน? ทั้งฝั่งไทยและฝ่ายสหรัฐฯ ต่างไม่พูดความจริง แค่เพียงบอก...เป็นการหารือทั่วไป ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันและกันเช่นเดียวกับในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ซึ่ง รอง ผอ.ซีไอเอ ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ด้วยเหตุที่พูดผ่านสื่อ...ไม่ต่างจากการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ถามว่าเรื่องนี้ “รัฐบาลปักกิ่ง” เชื่อเช่นที่ผู้นำไทยให้เหตุผลกระนั้นหรือ?เปล่าเลย! ระหว่างที่ ฝ่ายจีนรอให้ผู้นำไทย “เล่าสู่กันฟัง” กึ่งๆ รายงาน...ถึงการพบปะและหารือร่วมกับ นายเดวิด เอส โคเฮน อยู่นั้น จีนเองก็คงควานหาข้อมูลสำคัญและป่านนี้ เชื่อว่า...คงสมประสงค์ไปแล้วการที่ รอง ผอ.ซีไอเอ เข้าพบผู้นำและฝ่ายความมั่นคงของไทย ถูกตีข่าวไปยังสื่อต่างๆ ทั่วโลก ตรงนี้...เสมือนเป็นการจงใจของฝ่ายวอชิงตันมากกว่า...อย่างที่บอก นี่คือสัญญาณที่ใครบางคน? ต้องการสื่อและส่งไปถึงใครอีกคน?ไม่บอกก็คงเดากันถูก!!!แน่นอนว่า...เรื่องนี้ หาใช่ความปกติธรรมดาไม่? ไม่ธรรมดาอย่างไร? นั่นก็เพราะ...การส่งสัญญาณไปยังกรุงปักกิ่งของฝั่งวอชิงตัน มีเป้าหมายให้ทางการจีนและผู้นำจีน อย่าง...นายสี จิ้นผิง รับรู้เอาไว้ว่า หลังจากนี้ ทางการสหรัฐฯ ที่เคยปล่อยทิ้งขว้างเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไปหลายสิบปีก่อนหน้านี้วันนี้...สหรัฐฯ กลับมาแล้วแล้วการเดินทางมาของ รอง ผอ.ซีไอเอ ก็ยิ่งไม่ธรรมดาใหญ่? กล่าวคือ นี่คือการขอความร่วมมือแกมบังคับให้ไทยต้องทำอะไร? และไม่ต้องทำอะไร? เป้าหมายก็เพื่อหยุดยั้งการขยายอิทธิพลของฝ่ายจีน ในพื้นที่เอเชียตะวันออกและอาเซียนช่วงสิบปีมานี้ บทบาทจีนดูเปลี่ยนไป? จากที่ไม่เคยหืออือในทางการทหารและทางการเมืองระหว่างประเทศมาก่อน แต่มาวันนี้ ดูเหมือน “รัฐบาลปักกิ่ง” จะกระเหี้ยนกระหือรือต่อการวางบทบาทการมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลอื่น โดยเฉพาะรัฐบาลอาเซียนและไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นอาจจะมากกว่ารัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านรายอื่น นั่นเพราะ...คลองไทย ที่จะใช้เชื่อมทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน คือ ชัยภูมิสำคัญ ที่ทางการสหรัฐฯ จะปล่อยให้ “รัฐบาลปักกิ่ง” กดดันฝั่งไทยไม่ได้อีกต่อไปถามว่า...ทำไมต้องเป็นไทย และทำไมต้องเป็นคลองไทยคำตอบเดียวกันคือ จุดเชื่อม 2 ทะเล และยังไม่ตกอยู่ในอิทธิพลของสหรัฐฯ ก็คือ ประเทศไทยนอกนั้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไต้หวัน ฟิลิปปินส์ หรือสิงคโปร์ โดยเฉพาะรายหลัง ที่ควบคุมช่องแคบมะละกา เส้นทางเดินเรือจากเอเชียวันออกไปยังเอเชียใต้ อาหรับ ยุโรป และแอฟริกา ต่างล้วนอยู่ในอาณัติของรัฐบาลวอชิงตัน ทั้งสิ้น แม้ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนจะประสบความสำเร็จในการครอบงำรัฐบาลเมียนมา ด้วยการเทคโอเวอร์ท่าเรือน้ำลึกทางตอนใต้ของเมียนมาไปแล้วก็ตามและถึงฝ่ายจีนจะได้ใน 2 เป้าหมายหลัก นั่นคือ การขนส่งผ่านระบบราง เพื่อส่งต่อไปยังการขนส่งทางเรือ รวมถึงแผนการวางท่อน้ำมันและก๊าซ พาดผ่านเมียนมาไปยังประเทศ แต่นั้น...ยังขาดซึ่งเป้าหมายสุดท้ายที่สำคัญยิ่งกว่า ซึ่งนั่นก็คือ เส้นทางเดินเรือทางทะเล จากภาคตะวันออกของจีน ผ่านช่องแคบคลองไทย ไปยังด้านตะวันตกสิ่งนี้ ฝั่งวอชิงตันรับรู้เรื่องราวมาตลอด และยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้รัฐบาลไทย ตกอยู่ใต้อาณัติกรุงปักกิ่ง เหมือนเช่นที่สหรัฐฯจะไม่ยอมให้จีนยึดไต้หวัน ยังไงยังงั้น!!!ประเทศไทยและไต้หวันจึงตกอยู่ในสถานภาพเดียวกัน คือเป็น “ลูกแกะ” ที่ 2 มหาอำนาจ กำลังจะช่วงชิงความมีอิทธิพลเหนือดินแดนของตัวเองหรือจะเรียกเป็น “ลูกแกะ” ท่ามกลางเขาควาย! ก็คงไม่แปลกอะไร?ไต้หวันอยู่ใกล้จีน และเคยเป็นส่วนหนึ่งจีนมาก่อนในอดีต ต่างจากไทย...ที่เป็นอิสระและห่างไกลจีนมากกว่า กระนั้นก็ไม่ควรที่ฝ่ายสหรัฐฯ จะปล่อยให้จีน เข้ามามีอิทธิพลเหนือไทยได้อีกต่อไปภาพที่ปรากฏเป็นข่าวออกไปทั่วโลก ซึ่ง รอง ผอ.ซีไอเอ เข้าพบผู้นำและฝ่ายความมั่นคงของไทย กล่าวได้ว่า...เป็นความจงใจของทางการสหรัฐฯ ที่ต้องการจะสร้างความไม่พอใจให้กับทางการจีนมีต่อฝ่ายไทยประสา “ผู้นำไทย” ที่อาจพอใจกับภาพความสัมพันธ์ที่อีกระดับหนึ่ง ระหว่าง...สหรัฐฯ และไทย จะถูกแปลความเป็น “เหยื่อ” ในเกมการเมืองระหว่างประเทศไทย ระหว่าง 2 มหาอำนาจหรือไม่? ยากจะเดาใจได้...เพราะบางอย่างทางการไทยก็ เล่นเกม “จกตา” นานาชาติ ด้วยบทบาท ศรีธนญชัย มาแล้วก็หลายครั้ง...ไอ้ที่ดูสมาร์ทๆ อาจเพราะไม่รู้ธรรมเนียมหลักการสากล กลับกัน...ที่ดูไม่ฉลาด! อาจเป็นเพียงกลเกม “แกล้งโง่” เพื่อให้ผ่านพ้นในบางสถานการณ์ปรากฏการณ์เหล่านี้...ฝ่ายไทยเชี่ยวชาญชำนาญกลเกม อย่างมากแต่จะศรีธนญชัย อย่างไร ก็คงไม่ได้อีกไม่กี่น้ำ เพราะท้ายที่สุด...ทั้ง 2 มหาอำนาจจะต้องคาดคั้นกันหนักหน่วงว่า...ไทยจะเลือกข้างไหน?และไม่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือกข้างใด? ดูเหมือน “ลูกแกะ” ท่ามกลางเขาควาย! อย่างรัฐบาลไทย...คงจะอยู่กันได้ไม่ง่ายเหมือนเช่นก่อนอีกต่อไปแล้วการณ์เบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร? อีกไม่ช้า...จะรู้กัน! ถึงตอนนั้น...รัฐบาลไทย อาจไม่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วก็ได้...ใครจะรู้?แต่ที่คนไทยต้องรู้และต้องผนึกกำลังร่วมกัน ก็คือ...อย่าได้ปล่อยให้รัฐบาล ที่มีสภาพเป็นเพียง “จ๊อกกี้” นำมาประเทศชาติและประชาชน เข้าไปเล่นเกมเสี่ยง! ในสงครามเขาควายรอบนี้เป็นอันขาด!