นาทีนี้บรรดาคอการเมือง จะต้องจับตา 2 พรรคการเมืองสำคัญ "พปชร.-ปชป." ซึ่งถึงแม้จะเป็น พรรคร่วม "รัฐนาวา" เดียวกัน แต่ทว่า กำลังเปิดศึกฟาดฟันรุนแรง เพื่อทำศึกเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ "สงขลา-ชุมพร" และรวมทั้ง สถานการณ์ เลือกตั้งซ่อม กทม. "หลักสี่-จตุจักร"
ย่างเข้าศักราชใหม่ ปีขาล 2565 หรือ ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นปี "เสือดุ" ทิศทางการเมืองไทย ส่อเค้าระอุเดือด จากปัจจัยสำคัญหลายประการ เริ่มจากการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่นำโดย พรรคเพื่อไทย หวังเช็คบิลรัฐบาลให้ล้มคว่ำ หัวคะมำ
นอกจากนี้ ยังมี ประเด็นร้อน "นายกฯ 8 ปี" หรือวาระการดำรงตำแหน่งของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บนเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี ที่ทากาวเกาะแน่นมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การทำรัฐประหาร โค่นรัฐบาล "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เมื่อ 22 พ.ค.2564 ผ่านมา ถึงวันนี้ก็ใกล้จะครบ 8 ปีแล้ว
กรณีนี้มีความเห็นแตกต่างกัน บ้างก็บอกว่า ควรจะนับ 1 บนตำแหน่งนายกฯ ของ "บิ๊กตู่" เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ครั้งที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เป็นแกนนำจัตั้งรัฐบาล ซึ่งหากนับตามนี้ "พล.อ.ประยุทธ์" นั่งเก้าอี้นายกฯ มาแค่ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีทางการเมืองเห็นตรงกันว่า ประเด็น ปัญหา "นายกฯ 8 ปี" ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เท่านั้น!!
ส่วนอีกประเด็นร้อน ที่กำลังคุกรุ่น คือ ปัญหาปากท้องของประชาชน จากปัญหาโรคระบาด "อหิวาต์หมู" หรือ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever) หรือ ASF ซึ่งเป็นโรคไวรัสติดต่อร้ายแรงยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษา รวมทั้งปัญหาราคาน้ำมันแพง ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภค พาเหรดขยับราคาตามกันเป็นพรวน
และแม้ว่า กรมการค้าภายใน ภายใต้การกำกับดูแลของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะ หน.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะหาทางออกด้วย การจัดตลาดธงฟ้า นำเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และสินค้าจำเป็น มาจำหน่ายในราคาถูก แต่มาตรการดังกล่าว ถูกจำกัดไว้เพียงแค่ 3 เดือน... และหลังจากนั้น คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม กลไกตลาด ประชาชนตาดำๆ ต้องรับกรรมไปเต็มๆ
อีกเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น คือ การเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ หลักสี่ จตุจักร หลังศาล รธน.มีคำสั่งเชือด นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐ (พปชร.) กระเด็นพ้นเก้าอี้ ส.ส. ผนวกกับ การเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.สงขลา และ ชุมพร แทนที่ นายถาวร เสนเนียม และ ชุมพล จุลใส จากพรรค ปชป. ซึ่งกำหนดหย่อนบัตรวันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค.2565 ที่ผลออกมา ปชป. เข้าวินทั้งสองสนามเลือกตั้ง
ส่วนสนามเลือกตั้ง กทม.นั้น พปชร. ส่ง "มาดามหลี" นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ลงชิงเก้าอี้แทนสามี ขณะที่คู่แข่งมีหลายคน แต่ที่สูสี คือ นายสุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย (พท.) หลานชาย "ป๋าเหนาะ" เสนาะ เทียนทอง ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่า ก่อนที่ผู้สมัครจาก พท. จะพ่ายไปอย่างหวุดหวิด
นอกจากนี้ ก็มี เพชร กรุณพล ดารานักแสดง จากพรรคก้าวไกล และ พันธ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ไฟแรง จากพรรคไทยภักดี แต่ที่กลายเป็นประเด็นขัดแย้ง คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครจากพรรคกล้า ที่ไปออกรายการวิทยุ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคพลังประชารัฐควรส่งคนที่มีคุณภาพมากกว่านี้มาลงสมัคร สร้างความไม่พอใจให้ "มาดามหลี" อย่างมาก ถึง ส่งคนไปร้อง กกต.เอาผิด นายอรรถวิชช์ โจมตีคู่แข่ง ก่อนจะสวนกลับว่า "ดูถูกเพศแม่"
อีกพื้นที่ ซึ่งน่าสนใจ และจับตามองอย่างยิ่ง คือ การเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา เป็นการเลือกตั้งซ่อม แทน นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม และ อดีตแกนนำ กปปส.จาก พรรค ปชป.ที่ถูกศาลสั่งจำคุก ถูกตัดสินทางการเมือง จากการเคลื่อนไหวเมื่อปี 2557 โดยพรรค พปชร. ส่ง นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ทายาทกรรมการบริษัทศรีตรังฯ โรงงานแปรรูปยางพารา ที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่ ปชป. ส่ง นางสุภาพร กำเนิดผล หรือ “คุณนายน้ำหอม” ภรรยาของ นายเดชอิสม์ ขาวทอง หรือ "นายกฯ ชาย" รองหัวหน้าพรรค ปชป. ลงสมัคร
และที่สำคัญกลายเป็นประเด็นร้อนระอุอ้าว เมื่อ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ปราศรัยหาเสียงช่วย "น้องโบ๊ท" หรือ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ว่า คนสงขลาต้องเลือกนักการเมืองที่มี "ชาติตระกูลดี และมีตังค์" กลายเป็นคลิปที่ถูกนำไปเผยแพร่ กระฉ่อนโลกออนไลน์ ทำให้ถูกพรรคก้าวไกล นำไปร้อง กกต.ว่า กระทำผิดการเลือกตั้ง ประเด็นโน้มน้าวจิตใจ รับปากว่าจะให้ จุดชวนให้ศึกเลือกตั้งซ่อมที่สงขลา กลายเป็นพื้นที่น่าสนใจ และถือว่าเป็นการต่อสู้ที่คู่คี่สูสี แต่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ย่อมส่งผลกระทบต่อการเมืองไทย ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ย่อมทำให้เกิดรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
สำหรับ ประชาธิปัตย์ ในพื้นที่ ภาคใต้ สงขลา และ ชุมพร หากชนะเลือกตั้ง ก็ถือว่า เสมอตัว แต่ หากว่า ปชป.แพ้ นั่นเท่ากับว่า จะหมดสภาพไปทันที ตามที่ พนิต วิกิตเศรษฐ และ เทพไท เสนพงศ์ คนของ ปชป. ออกมาประสานเสียงตรงกันว่า "พรรคประชาธิปัตย์ ควรจะต้องถอนตัวออกจากรัฐบาล" ด้วยเหตุผลเดียว คือ คำว่า "มารยาททางการเมือง" เพราะตามธรรมเนียม พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ไม่ควรส่งคนไปแข่งขันแย่งชิงกันเอง
ทว่า การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พปชร. ต่างระดมกำลัง ทั้งคน ทั้งแรง รวมถึงปัจจัยกระสุนดินดำ ลงไปหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ กันอย่างคึกคัก นำโดย พี่ใหญ่ อย่าง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงทุนลากสังขาร ขึ้นเวที หาเสียงให้ลูกพรรคด้วยตนเอง ขณะที่ ฝ่าย ปชป. ก็มี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหน.พรรคปชป. นิพนธ์ บุญญามณี รองหน.พรรค และ รมช.มหาดไทย เปิดศึกน้ำลายฟาดฟันกันอย่างชนิดถึงพริกถึงขิง เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ก็ไม่ต้องหลับตานึกให้เสียสมอง ทั้ง พปชร. และ ปชป. จะมองหน้ากันติดอย่างสนิทใจ เหมือนเดิมหรือไม่ ?
อย่างไรก็ตาม ทุกประเด็นร้อนที่ผ่านมา คงจะไม่เท่ากับสถานการณ์แพร่ระบาดของ "ไวรัสมฤตยู" โควิด-19 ที่แพร่ระบาดลากยาวตั้งแต่ปี 2563 จนมาถึงปี 2565 ผ่านมา 3 ปี สร้างความเสียหาย ทั้งงบประมาณ ทั้งชีวิตคน ทั้งเศรษฐกิจ ฯลฯ เสียหาย ล่มจม จำนวนมหาศาล แต่อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ในปัจจุบันจากตัวเลขผู้คนที่เสียชีวิตนับหมื่น ค่อยๆ ลดลงมาเหลือแค่หลักพัน ก็พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
ที่สำคัญจากการระดมไล่ฉีดวัคซีนให้ประชาชน จนถึง ณ วันนี้ พอเรียกได้ว่า เข้าข่ายที่จะสร้าง "ภูมิคุ้มกันหมู่" ได้ในระดับหนึ่ง และอีกไม่นาน จากการคาดหมายของนายแพทย์ นักวิชาการ เชื่อว่า โควิด-19 จะกลายเป็นแค่โรคประจำท้องถิ่นธรรมดาๆ ทั่วไป ในระยะเวลาอันใกล้ หากไม่มีสถานการณ์อะไรพลิกผันกลับมาอีก โดยเฉพาะเจ้าไวรัสสายพันธ์ุใหม่ "โอมิครอน" ที่เพิ่งค้นพบล่าสุด
มองภาพรวมของการเมืองไทย ในวันที่ผ่านมากว่าครึ่งเดือน ม.ค.65 นี้ ก็ต้องยอมรับความจริงว่า หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียว จาก "ปีวัว" ที่ผ่านมาจนถึง "ปีเสือดุ" และเสือตัวนี้ จะสามารถเร่งสะสมพละกำลัง เพื่อกระโจนไปข้างหน้าได้อย่างสวยงามอีกครั้งหรือไม่ โดยเฉพาะในแง่ของเศรษฐกิจ ซึ่งภาครัฐต้องอัดฉีดให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศให้มากขึ้น ออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายให้ครอบคลุมและกระจายทุกธุรกิจอย่างทั่วถึง ผลักดันให้ภาคการค้าและบริการกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายในโครงการ "คนละครึ่ง" เฟส 4 ซึ่งจะนำกลับมาใช้อีกครั้ง โดยกำหนดลงทะเบียนรอบใหม่ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า 16 ก.พ. 2565
ประมวลเหตุการณ์ รอบด้านในแวดวงการเมืองไทย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี "เสือดุ" จึงเป็นสถานการณ์ร้อนที่น่าติดตามอย่างยิ่ง!