เปิดเบื้องหลังปฏิบัติการ นายกฯ คนนอก ชู “บิ๊กป้อม” กุมอำนาจแทน “บิ๊กตู่” ผงาดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สะท้อนภาพปมบาดหมาง “พี่น้อง2ป.” โดยมี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เดินเกมชักใย พร้อมกระแสข่าว “ดีลลับ” กับคนแดนไกลที่นครลอนดอน
ภาพ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินเกาะไหล่โชว์สื่อ ในพิธีเปิดงาน “วันแรงงานแห่งชาติ” สะท้อนภาพความพยามกลบข่าว ปมบาดหมางระหว่าง "พี่น้อง2ป." ต่อกระแสข่าว ผลักดัน "บิ๊กป้อม" ให้เป็นนายกฯ คนนอก หาก "บิ๊กตู่" ประสพอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ เกิดขึ้น
แน่นอนว่า "บิ๊กตู่" ย่อมเกิดความรู้สึกเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ! และความสัมพันธ์อันแนบแน่นของ พี่น้อง "3ป." กำลังจะกลายเป็นตำนาน จริงหรือ ?
ล่าสุด การหารือระหว่าง กลุ่ม 16 ส.ส.พรรคเล็ก นำโดย พิเชษฐ์ สถิลชวาล กับ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย หัวหอกสำคัญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดย “พิเชษฐ์” ลั่นจะนำเสียง ส.ส.พรรคเล็ก โหวตคว่ำรัฐบาลจากความไม่พอใจ การทำสัญญากับอิสท์วอเตอร์ ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ EEC
ทั้งหมดนี้ เป็นสถานการณ์อันตึงเครียดอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของรัฐบาล
และอีกประเด็นที่สอดรับปมบาดหมาง ระหว่าง "บิ๊กตู่" กับ "บิ๊กป้อม" กรณีไปตรวจร่างกายที่ลอนดอน มีข่าวลือหนาหู "บิ๊กป้อม" ดอดพบคนแดนไกล เพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนกติกาการเลือกตั้งใช้ "บัตร 2 ใบ" ให้พรรคเพื่อไทย ได้เปรียบการเลือกตั้ง ชนะแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ปูทาง "อุ๋งอิ๋ง" แพรทองธาร ชินวัตร ผงาดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
กรณีดังกล่าวข้างต้น จึงกลายมาเป็นปฏิบัติการ “ขย่มบิ๊กตู่ - ชูบิ๊กป้อม”: “ดีลลับ” หรือ “บิ๊กดีล"...ท่ามกลางกระแส “ขย่มบิ๊กตู่” โดยใช้เสียงในสภา โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนจากพรรคเล็กเป็นตัวบีบ ก็มีกระแส “ชูบิ๊กป้อม” ขึ้นมาแทนที่ในฐานะ “นายกฯ ขัดตาทัพ” หรือ “นายกฯ สำรอง” แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...
เป้าหมายรัฐบาลอยู่ครบวาระ หรืออย่างน้อยหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปกต้องถูกสั่นคลอน เมื่อ ส.ส.พรรคเล็กบางส่วนที่เคยร่วมดินเนอร์กับแกนนำรัฐบาล หันมาเคลื่อนไหวสอดรับกับฝ่ายค้าน ขณะที่พรรคเศรษฐกิจไทยภายใต้การนำของ “ร.อ.ธรรมนัส” แสดงท่าทีชัดเจน “ไม่เอาบิ๊กตู่” ยิ่งใกล้เปิดสภา บรรยากาศการเมืองยิ่งหนาวระทึกสำหรับนายกฯ เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็น “รัฐบาลผสม” และจัดอยู่ในสถานะ “เสียงปริ่มน้ำ” เพราะเสียงที่สนับสนุนอยู่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
หากยึดข้อมูลสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากสมัยประชุมที่แล้ว จำนวนเสียง ส.ส.ทั้งสภา เท่าที่โหวตได้อยู่ที่ 475 เสียง จำนวนเสียงฝ่ายรัฐบาล นับรวม ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย 267 เสียง จำนวนเสียงฝ่ายรัฐบาลไม่รวมพรรคเศรษฐกิจไทย 251 เสียง (หักออก 16 เสียง) จำนวนเสียงของฝ่ายค้าน 208 เสียง จำนวน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ไม่นับรวมพรรคเศรษฐกิจไทย 251 เสียง มาจาก...
พรรคพลังประชารัฐ 97 เสียง พรรคภูมิใจไทย 59 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 50 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 12 เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย (เปลี่ยนชื่อเป็นพรรครวมพลัง) 5 เสียง ที่เหลือ คือ พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคชาติพัฒนา พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และพรรคเล็ก 1 เสียง รวมแล้ว 19 เสียง ถ้าแยกเสียงพรรคพลังท้องถิ่นไทที่ “ชัช เตาปูน” หัวหน้าพรรค ยืนยันสนับสนุน “บิ๊กตู่” กับอีกพรรค คือ พรรคพลังธรรมใหม่ ของ นพ.ระวี มาศฉมาดล ก็จะเท่ากับมีเสียงสนับสนุนรัฐบาลแน่ๆ ในกลุ่มพรรคเล็ก 6 เสียง (พลังท้องถิ่นไท 5 + พลังธรรมใหม่ 1) ส่วนพรรคชาติพัฒนา เริ่มมี ส.ส.ไปร่วมวงกับ “กลุ่ม 16 ส.ส.” บ่อยขึ้น ทำให้เสียงเริ่มไม่แน่นอน
ฉะนั้น กลุ่มพรรคเล็กที่ “พร้อมเปลี่ยนข้าง” หรือ “มีความไม่แน่นอนสูง” มีอยู่ 13 เสียง (19-6) ขณะที่รัฐบาล 251 เสียง มากกว่าเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร (238 เสียง) เพียงแค่ 13 เสียงเท่ากัน นี่คือความน่ากลัวของ “เสียงพรรคเล็ก” ที่อาจจะผันแปรไป และล้มรัฐบาลได้เหมือนกัน
ทั้งหมดนี้ ยังไม่นับเสียงสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีแนวโน้มไม่เป็นเอกภาพ และน่าจะมีกลุ่ม “โหวตสวนมติพรรค” เพื่อต่อต้านหัวหน้าจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ที่ไม่ยอมลาออกจากกรณี “ปริญญ์ เอฟเฟกต์” อีกจำนวนหนึ่ง
ท่ามกลางกระแส “ขย่มบิ๊กตู่” โดยใช้เสียงในสภา โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนจากพรรคเล็กเป็นตัวบีบ ก็มีกระแส “ชูบิ๊กป้อม” ขึ้นมาแทนที่ ในฐานะ “นายกฯ ขัดตาทัพ” หรือ “นายกฯ สำรอง” แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คนที่จุดพลุเรื่องนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “บิ๊กป้อม” ที่ตอบคำถามนักข่าวคล้ายๆ “หลุดปาก” แต่ตอนหลังมาโวยสื่อว่า ไม่ได้พูด
แต่กระนั้นไม่ทันไร “อดุลย์ เขียวบริบูรณ์” ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 หนึ่งในกลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ก็ออกมารับลูก เหตุผลของ "อดุลย์" นับว่าน่าสนใจ คือ “บิ๊กตู่” บริหารไปไม่ไหว ก็ให้ “บิ๊กป้อม” รับผิดชอบ ในฐานะที่สนับสนุนกันมาตลอด และน่าจะบอกให้ลงจากตำแหน่งได้ เมื่อลงจากเก้าอี้แล้ว “บิ๊กป้อม” ขึ้นแทน ก็ระวังหลังให้ “น้องตู่” ได้ ขณะที่ “บิ๊กป้อม” ประสานได้กับทุกกลุ่มทุกพรรคการเมือง จึงน่าจะมาเป็น “นายกฯ ขัดตาทัพ” จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายลูก และหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ
อีกคนที่ออกมารับลูกในปฏิบัติการ “ขย่มบิ๊กตู่ ชูบิ๊กป้อม” ก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯ พรรคเศรษฐกิจไทย อดีตเลขาฯ พลังประชารัฐ คู่อริคนสำคัญของ”บิ๊กตู่” ที่ ประกาศหนุน “บิ๊กป้อม” เหมาะนั่งนายกฯ อย่างชัดแจ้ง
ข้อเสนอที่น่าถอดรหัส ก็คือ คำตอบของ “ร.อ.ธรรมนัส” กรณีเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหลังเปิดสภา (รัฐบาลแพ้โหวตกฎหมายสำคัญ นายกฯ แพ้โหวตไม่ไว้วางใจ หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าดำรงตำแหน่งมาครบ 8 ปีแล้ว) “ร.อ.ธรรมนัส” ไปอ้างถึงกระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 “ในความคิดเห็นของผม คงใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 สำหรับบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขในสถานการณ์นี้ได้”
ดังนั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 หมายถึงอะไร / ต้องย้อนไปดูมาตรา 272 วรรค 1 ด้วย 272 วรรค 1 - ให้ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ในระยะ 5 ปีแรก หลังมีสภาชุดแรกตาม รธน.นี้ 272 วรรค 2 - ถ้าเลือกนายกฯจากบัญชีแคนดิเดตที่พรรคการเมืองเสนอไม่ได้ ก็ให้ไปเลือกนายกฯคนนอก โดยขออนุมัติจากรัฐสภา เสียง 2 ใน 3
แปลกหรือไม่ที่ “ร.อ.ธรรมนัส” ไม่พูดถึงมาตรา 272 วรรค 1 แต่ข้ามไป 272 วรรค 2 เลย คำตอบก็คือ เขาไม่เอานายกฯ ในบัญชีแคนดิเดต แต่จะเอา “คนนอกบัญชี” และ “คนนอก” นั้นก็คือ “บิ๊กป้อม” เหตุผลที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ก็คือ
1. การจะล้ม “บิ๊กตู่” หรือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยที่ “พี่น้อง 3ป.” ยังจับมือกันแน่น ไม่แตกคอ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
2. การจะยุให้ “3ป.” แตกกันจริงๆ ก็เป็นเรื่องยาก เพราะพี่น้องบูรพาพยัคฆ์น่าจะไม่ถึงกับฆ่ากันเองทางการเมือง
3. แต่การใช้สูตร “ตู่ไม่ไหวก็ให้ป้อม” เป็นแนวๆ “อำนาจเปลี่ยนมือในกลุ่มเดียวกันเอง”
4. เป็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะ “พรรคร่วมรัฐบาลเดิมเกาะกลุ่มกัน” เพื่อคงเสียงสนับสนุนในสภาให้ได้ 251-267 เสียง เมื่อรวมกับ ส.ว. 250 เสียง ก็จะมีเสียงสนับสนุนเกิน 500 เสียง หรือ 2 ใน 3 ของรัฐสภา สามารถปลดล็อกให้ใช้ “นายกฯ คนนอก” ได้
5. หาก “บิ๊กป้อม” ขึ้นมาเป็นนายกฯ การต่อรองทางการเมืองจะทำได้ง่ายขึ้น ทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และเรื่องอื่นๆ เหมือนกับที่ “บิ๊กป้อม” เคยสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนกติกาเลือกตั้งเป็น “บัตร 2 ใบ” มาแล้ว
การแก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนกติกาการเลือกตั้งเป็น “บัตร 2 ใบ” ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ชัดเจน จนอาจชนะแบบแลนด์สไลด์ เมื่อเพื่อไทยชนะ พรรคพลังประชารัฐย่อมเป็นฝ่ายแพ้ แต่ทำไม “บิ๊กป้อม” กลับเอาด้วย หรือนี่คือร่องรอยของสิ่งที่เรียกว่า “ดีลลับ” หรือ “บิ๊กดีล” ที่พูดๆ กันมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลชุดนี้ และปูทางสู่การตั้งรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้ง โดยถอด “บิ๊กตู่” ออกจากสมการการเมืองอย่างถาวร
เป็นปรากฏการณ์ทางการเมือง ที่ต้องจับตาอย่างยิ่ง ด้วยใจระทึก!