เปิดเส้นทางชีวิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่ง “บูรพาพยัคฆ์” ที่วันนี้ ผงาดขึ้นมานั่งในตำแหน่ง ผู้นำสูงสุดของประเทศ บนเก้าอี้รักษาการนายกฯ เจ้าของฉายา”เซนต์คาเบรียลคอนเน็กชั่น” เป็นท่วงทำนองชีวิตอัน “โลดโผน” ทั้ง”การเมือง” และ “การทหาร”
เอ่ยชื่อ "บิ๊กป้อม" หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ชั่วโมงนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี แทน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว!
ดังนั้น "บิ๊กป้อม" จึงถูกสังคมโฟกัส เป็นอย่างมาก หลายฝ่ายกระหายอยากรู้ประวัติชีวิตความเป็นมาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถึงเส้นทางชีวิตของบุคคลที่ได้ชื่อว่า เป็นพี่ใหญ่ของ "บูรพาพยัคฆ์" ผู้มากบารมี "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน"
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2488 เป็นบุตรของ พล.ต. ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ และ นางสายสนี วงษ์สุวรรณ
มีพี่น้องร่วมสายโลหิต 5 คน ประกอบด้วย 1. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2. พล.ร.อ. ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ 3. พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. 4. นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ และ 5. นายพันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ
"พล.อ.ประวิตร" เข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ "บิ๊กบัง" พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจจาก ทักษิณ ชันวัตร , "หม่อมอุ๋ย" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาล และ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ นักธุรกิจเจ้าสัวคอม-ลิงค์ และในฐานะเจ้าของนาฬิกาหรู ที่ตกเป็นข่าวเกรียวกราว
เป็นที่มาของฉายา "เซนต์คาเบรียลคอนเน็กชัน" โดยในยุค ครม. "ประยุทธ์ 1" สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า มีศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล เรียงแถวนั่งเก้าอี้สำคัญกันหลายตำแหน่ง เช่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี, ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ที่ปรึกษา คสช., นายกล้านรงค์ จันทิก สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมถึง นายอำพน กิตติอำพน อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
จากรั้วเซนต์คาเบรียล "พล.อ.ประวิตร" ก้าวเข้าสู่รั้วเตรียมทหาร เป็น ตท.6 พร้อมกับ "พล.อ.สนธิ" โดยนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) "ประวิตร" เป็นนักเรียนที่โดดเด่นของรุ่น ได้รับความไว้วางใจเป็นหัวหน้าหมวดที่เพื่อนๆ และรุ่นน้องเคารพรัก
จากเตรียมทหารเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 (จปร.17) โดย จปร.17 เรียกตัวเองว่า "รุ่นฝนแรก" เนื่องจากเป็นรุ่นที่ถูกซ่อมครั้งแรกตอนฝนตก และช่วงฝึกภาคสนามเดือนเมษายน ฝนก็ตกลงมาอีกทั้งที่ไม่ใช่ฤดูฝน ประกอบกับภาพยนตร์ชื่อดังในเวลานั้นมีชื่อเรื่องว่า "ฝนแรก"
"พล.อ.ประวิตร" เป็นนายทหารดาวรุ่งของกองทัพบกในยุคนั้น โดยช่วงปี 2524 เขาเติบโตในกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จนเป็นผู้บังคับการ และว่ากันว่าช่วงนี้เองที่ "พล.อ.ประวิตร" มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับ นายเสนาะ เทียนทอง ฉายา ”เจ้าพ่อวังน้ำเย็น”
ชีวิตการปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพบก "พล.อ.ประวิตร" เติบโตมาตามไลน์ แต่ต้องมาสะดุด เสียจังหวะในยุคที่ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็น ผบ.ทบ. โดยถูกย้ายไปดองในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก
อย่างไรก็ตาม ต่อมาในยุค พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ เป็น ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล "พล.อ.ประวิตร" ถูกเสนอชื่อ กระโดดมาเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. ได้สำเร็จ โดยได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ก่อนจะผงาดขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในยุครัฐบาล "ทักษิณ ชินวัตร"
การผงาดขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. ของ "พล.อ. ประวิตร" ได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนายทหารที่ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์คนแรก ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบก เปิดฉากตำนาน "บูรพาพยัคฆ์" ซึ่งเป็นฉายาของกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์, กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ ทหารเสือราชินี และกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ ซึ่งหน่วยทั้งหมดนี้ ขึ้นตรงกับกองพลทหารราบที่ รักษาพระองค์ จึงถูกเรียกเหมารวมจากสื่อมวลชนว่าเป็น "บูรพาพยัคฆ์"
หลัง "พล.อ.ประวิตร" เกษียณในตำแหน่ง ผบ.ทบ. แล้ว ก็มีนายทหารจาก "บูรพาพยัคฆ์" ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.ถึง 3 คน คือ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร
ส่วน พล.อ.ประวิตร เข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเป็นทางการในสมัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2551 ถึง 9 สิงหาคม 2554
เมื่อ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พร้อมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ
"พล.อ.ประวิตร" จึงมีชื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้ง โดยเป็นทั้งรองหัวหน้า คสช., รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เช่นเดียวกับอดีต ผบ.ทบ. สายบูรพาพยัคฆ์ ก็มีชื่ออยู่ในรัฐบาลประยุทธ์ ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.อุดมเดช ซึ่งรายหลังถูกแรงกดดันจากกรณีอุทยานราชภักดิ์ จนถูกปรับออกจาก ครม.
ในเวลาต่อมา "พล.อ.ประวิตร" มีบทบาทสำคัญในการเป็น "หัวเรือใหญ่" คุมเกมทางการเมือง ก่อนเปลี่ยนผ่านสู่การเลือกตั้งใหญ่ในปี 2562 เป็นที่รู้กันดีว่า บ้านป่ารอยต่อฯ ล้วนเป็นสถานที่ต้อนรับนักการเมืองหลากหลาย รวมถึงเป็นฐานบัญชาการในการแก้ปัญหาต่างๆ มาโดยตลอด
หลังเลือกตั้งปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง จากฐานการเมืองสำคัญที่เสนอชื่อให้ "บิ๊กตู่" นั่งเก้าอี้นายกฯ คือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยมีสมาชิกวุฒิสภาเทเสียงโหวตท่วมท้น ไม่ตกหล่น เปิดศักราชเป็นนายกฯ คนที่ 29 สมัยที่สอง หลังสมัยแรกมาจากการโหวตโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เริ่มทำหน้าที่เมื่อ 24 สิงหาคม 2557
"พล.อ.ประวิตร" ยังคงเป็น “พี่ใหญ่ 3 ป.” ร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยนั่งเก้าอี้รองนายกฯ ก่อนที่จะสไลด์ไปเปิดตัวทางการเมืองแบบยิ่งใหญ่ ด้วยการขยับขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นมือขวาคนสำคัญ แม้จะมีข่าวว่า “พี่น้อง 3 ป.” ระหองระแหงกันอยู่บ้างตามที่ปรากฏหน้าสื่อ แต่ทุกครั้งก็มักมีภาพ 3 พี่น้องพบปะโชว์สัมพันธ์แน่นแฟ้นให้เห็นอยู่เสมอ
หลายครั้งที่เกิดคลื่นทางการเมืองที่กระทบไปถึง "พล.อ.ประยุทธ์" มักจะเห็นพี่ใหญ่ "บูรพาพยัคฆ์" อย่าง พล.อ.ประวิตร เป็นคนออกโรงสยบปัญหาและนั่งหัวโต๊ะเคลียร์ให้จบเป็นประจำ พล.อ.ประวิตร ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้รักษาการนายกฯ ในช่วงที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศมาแล้ว แต่นั่นก็เป็นเสมือนการทำหน้าที่ตามลำดับชั้นการบังคับบัญชา
แต่ทว่าปี 2565 เมื่อมีปัญหาวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าครบ 8 ปี จะนับที่จุดเริ่มต้นไหนกันแน่ ก่อนที่วันที่ 24 ส.ค.2565 ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติเอกฉันท์สั่งรับคำร้องของฝ่ายค้านไว้พิจารณา ตามมาด้วยมีมติเสียงข้างมาก 5-4 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ส่งผลให้ "พล.อ.ประวิตร" ขยับขึ้นสูงทางการเมือง เข้ามานั่ง "รักษาการนายกฯ" ที่ต้องบริหารงานแบบเต็มมือในห้วงที่ "พล.อ.ประยุทธ์" ต้องรอการชี้ขาดจากศาล และแน่นอนว่าอำนาจของ พล.อ.ประวิตร มีเกือบจะเทียบเท่านายกฯ และยังเป็นหัวหน้าพรรคที่คุมเสียงฟากรัฐบาล
ทั้งหมดนี้คือ ประวัติชีวิตของ "บิ๊กป้อม" พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ของพี่ใหญ่แห่ง "บูรพาพยัคฆ์" !!