มาไล่ๆ กับฉายารัฐบาล “หน้ากากคนดี” และฉายาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “แปดเปื้อน” หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีมากว่า 8 ปีแล้ว
นั่นคือข่าวใหญ่เจ้าหน้าตำรวจ ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. บุกจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงในห้องทำงานพร้อมเงินสดๆ อีกประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งได้มาจากการเรียกรับผลประโยชน์ในการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ตำแหน่งต่างๆทั่วประเทศ
จริงๆ เรื่องราวในกรมอุทยานฯ เกี่ยวกับ “กล้วย” ที่รั่วไหลตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อส่งส่วยให้กับผู้ใหญ่เป็นรายเดือน และ “กล้วย” สำหรับการวิ่งเต้นโยกย้ายมีกันมานานแล้ว ตั้งแต่ระดับ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ - หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า - หัวหน้าโครงการต้นน้ำ - หัวหน้าโครงการพระราชดำริ - หัวหน้าป้องกันไฟป่า - หัวหน้าศูนย์เพาะชำกล้าไม้ปลูกป่า เป็นต้น
การบุกจับกุมอธิบดีกรมอุทยานฯ ช่วยลดกระแสความร้อนแรงของ “ตู้ห่าว” นายทุนจีนธุรกิจสีเทา ลงไปได้ระดับหนึ่ง หลังจาก “ตู้ห่าว” คนนี้ได้รับสัญชาติไทยอย่างน่าพิศวงงงงวย หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57
“ตู้ห่าว” ทำความดีความชอบอะไรถึงได้สัญชาติไทยเร็วนัก และต่อมา “ตู้ห่าว” ก็บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 3 ล้านบาท ถ้าเรื่องแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงรีบสอบสวนและชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญรีบวินิจฉัยเพื่อยุบพรรคแล้ว ใช่หรือไม่?
แต่นี่เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐ กกต.จึงร้องแบะๆ ว่า ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบเงินบริจาคเข้าพรรคใช่หรือไม่ พร้อมทั้งให้พรรคการเมืองช่วยกันตรวจสอบเงินบริจาคเข้าพรรคให้ละเอียดถี่ถ้วน
กรณีของ “ตู้ห้าว” นอกจากเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองในรัฐบาลแล้ว ยังเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายระดับ และเจ้าหน้าที่ป.ป.ง.ที่นั่งทำงานกันอยู่บนชั้น 3 ของสำนักงาน ป.ป.ง. ก็โดนพาดพิงไปด้วย ทำให้ประธาน ป.ป.ง. ถึงกับถอดใจขอลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว
นอกจากเรื่อง “ตู้ห่าว” แล้ว! ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนักการเมืองฝ่ายค้าน นักธุรกิจ และสื่อมวลชน ได้พูดถึงกันมากเกี่ยวกับการประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ที่มีส่วนต่างระหว่างผู้รับเหมา 2 ราย อยู่กว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยส่วนต่างที่ว่านี้อาจจะไหลไปเข้ากระเป๋าพรรคการเมือง “ไดโว่” ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งจะไหลไปสู่พรรคการเมืองตั้งใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีนายทุนพรรคที่ชัดเจน
ก็ขนาด เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบีทีเอสกรุ๊ป ยังออกมาบ่นว่า เขามีโอกาสร่วมประมูลโครงการใหญ่ๆ ของรัฐบาลหลายครั้ง แต่รู้สึกว่าช่วง 2-3 ปีนี้ มีคอร์รัปชั่นรุนแรงมาก เช่น กรณีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ถ้าผ่านไปได้ ผู้นำรัฐบาลและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมถึงราคาผิดไปจากเดิมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
“ถ้าคณะรัฐมนตรีชุดนี้ให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่าน ท่านเป็นบาปกับประเทศชาติแน่นอน กฎหมายทำอะไรท่านได้หรือเปล่าคอยดูกัน แต่ท่านไม่ควรทำ” เจ้าสัวคีรี แกย้ำหัวตะปูไว้แบบนั้น
นี่พูดกันอยู่แค่ 2 กระทรวง (ทรัพยากรธรรมชาติฯ-คมนาคม) ยังไม่ได้เฉียดไปกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม
โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างด้วย “วิธีพิเศษ” ทั้งหมด เอะอะอะไรก็วิธีพิเศษ! หรือดีขึ้นมานิดอาจจะหา “คู่เทียบราคา” มาประดับตบแต่งให้ดูดีไว้หน่อย
แต่ที่เห็นชัดเจนมากกรณีเรือดำน้ำจีน ในสัญญาระบุว่าต้องติดตั้งด้วยเครื่องยนต์จากเยอรมันในเรือดำน้ำ แต่เมื่อหาเครื่องยนต์จากเยอรมันไม่ได้ ก็มีความพยายามที่จะตะบี้ตะบันดำน้ำ ไปใช้เครื่องงยนต์จีนกันให้ได้อีกเหมือนกัน
ทั้งที่ยังไม่มีเรือดำน้ำลำไหนในโลกนี้ ใช้เครื่องยนต์จีนเลย ขนาดกองทัพเรือจีนแท้ๆ ก็ไม่ใช้ แล้วถ้าไทยใช้ ก็จะเป็นประเทศแรกในโลก มันส่อแสดงถึงอะไร มันส่อแสดงว่า “เงินทอน” คงมากมาย ใช่หรือไม่นายกฯแปดเปื้อน?
เสือออนไลน์