พักนี้ไม่รู้ว่าเกิดพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือว่าราหูอมจันทร์ งานจึงเข้าพรรคภูมิใจไทยถี่ยิบ
เริ่มจากวันที่ 22 ก.พ.66 ศาลฎีกามีคำสั่งตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีมีการออกโฉนดที่ดินหลายแปลง ทับพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี
กรณีออกโฉนดดังกล่าว นางกนกวรรณยังถูกดำเนินคดีทางอาญาพร้อมด้วยนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้เป็นพ่อ จึงต้องไปลุ้นกันในอนาคตว่าพ่อลูกคู่นี้จะติดคุกด้วยหรือไม่?
นางกนกวรรณและนายสุนทร จัดว่าเป็นผู้กว้างขวางของเมืองปราจีนบุรี และเป็นแม่ทัพสำคัญทางภาคตะวันออกของพรรคภูมิใจไทย โดยาเฉพาะการเลือกตั้งปี 62 พรรคภูมิใจไทยกวาดเรียบ! ส.ส.ปราจีนบุรี 3 คน (3 เขต)
ก่อนที่นางกนกวรรณจะถูกศาลสั่งเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา เขากับนายสุนทร ยังได้รับความไว้วางใจจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เป็นผู้คัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส.ในหลายจังหวัดของภาคตะวันออก
โดยเฉพาะปราจีนบุรี สระแก้ว และนครนายก ต้องผ่านการคัดเลือกจากนายสุนทร และนางกนกวรรณ จึงจะได้เป็นตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
ชัดเจนมากขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง นายอนุทินไปช่วย 3 ส.ส.ปราจีนบุรี หาเสียง นายอนุทินพูดชัดว่า ปราจีนบุรีคือจังหวัดที่มีบุญคุณกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจาก ส.ส.คนแรกของพรรคภูมิใจไทยอยู่ที่ปราจีนบุรี นั่นคือ นายอำนาจ วิลาวัลย์ ซึ่งเป็นหลานของนายสุนทร และมีศักดิ์เป็นพี่นางกนกวรรณ
แต่เมื่อนางกนกวรรณถูกศาลสั่งตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะโดนดาบ 2 คือ ความผิดทางอาญาตามมาเมื่อไหร่ เพราะคดีเรื่องการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ-ป่าไม้-พื้นที่อุทยานแห่งชาติ ส่วนใหญ่ใช้เวลาไต่สวนในชั้นศาลกันไม่นาน เนื่องจากคดีเหล่านี้ เจอภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ก็มักจะไปกันไม่เป็น เพราะไม่มีใครไปขยับแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศได้
ดังนั้น ถ้าผิดคือผิด ต้องติดคุก และคาดว่าอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ คดีอาญาจะชี้ชะตา 2 พ่อลูกตระกูลวิลาวัลย์ แล้วถ้าผลออกมาในทางไม่ดี ย่อมส่งผลกระทบต่อพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน
นอกจากนางกนกวรรณ สัปดาห์ที่แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งพักงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย กรณีลับ ลวง พราง ใช้ “นอมินี” ถือหุ้นในบริษัทรับเหมา แล้วมาประมูลรับงานของกระทรวงคมนาคม
ไม่เฉพาะการถือหุ้นในบริษัทรับเหมา แต่นายศักดิ์สยามกำลังถูกไล่บี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีข้อครหาว่ามี “เงินทอน” หลายหมื่นล้านบาท และคงต้องรีบ “ทิ้งทวน” นำเข้าสู่การอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนวันที่ 23 มี.ค. 66
แต่เมื่อนายศักดิ์สยามถูกศาลสั่งพักงานเสียก่อน จึงไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยอมให้พรรคภูมิใจไทยดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เข้าที่ประชุม ครม. หรือไม่ ในช่วงปลายรัฐบาล ท่ามกลางสายตาผู้คนจับจ้องกันมากมาย
นอกจากนั้นแล้ว นายศักดิ์สยาม และ “ครูใหญ่” แห่งเมืองบุรีรัมย์ยังถูกตามล้างตามเช็ด กรณีครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณเขากระโดง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
จึงต้องคอยดูกันต่อไปว่า เมื่อน้ำลดแล้ว จะมีตออะไร ตอตรงไหนผุดขึ้นมาอีก โดยเฉพาะที่กระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับเรื่อง “การบิน” ก็มีกลิ่นไม่ค่อยดีเหมือนกัน
เอาเป็นว่าทั้งกรณี “กนกวรรณ” และ “ศักดิ์สยาม” เล่นเอาพรรคภูมิใจไทยจุกไปไม่น้อยเลย และอาจจะจุกมากกว่านี้ ถ้ามีใครเลี้ยวไปขยี้หนักๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภา มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท สร้างไม่เสร็จเสียที แถมหลังคารั่ว ฝนทีไรน้ำทะลักลงมาเป็นน้ำตก และวัสดุหลายชนิดไม่ได้ตามสเปคหรือไม่
ถ้าเป็นผู้รับเหมารายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้รับเหมาคนกันเองๆกับนายอนุทิน จะรอดสันดอนมั๊ย? แล้วจะต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่? แต่นี่กลับเงียบฉี่เลย!!
เสือออนไลน์