แม้จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงานในตำแหน่ง รมว.คมนาคม แต่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ยังกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” เนื่องจากมีหลายเรื่องรุมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
โดยเฉพาะวันศุกร์ที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา สภาที่ 3 ร่วมกับ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ปี 35 จัดเสวนากันเรื่อง “โกงที่ดินการรถไฟเขากระโดง เมื่อไหร่รัฐจะได้คืน?” โดยมี นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ปี 35 กล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น และนายสุวิช ศุมานนท์ ประธานสมาพันธ์คนงานรถไฟ ร่วมอภิปราย
นายอดุลย์ กล่าวว่า สภาที่ 3 ได้จัดวาระทวงคืนสมบัติชาติตั้งแต่ปี 64 โดยเฉพาะกรณีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่มีความขัดเจน ได้อธิบายให้ประชาชนทราบว่า ทำไมต้องเอาเรื่องเขากระโดงกลับมาเป็นของแผ่นดิน ปัจจุบันชัดเจนแล้วว่า มีการแอบอ้างออกโฉนด กระทั่งฟ้องร้องและศาลฎีกาพิพากษาว่า เป็นที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องเพิกถอนจากผู้บุกรุกและคืนทรัพย์สินให้แผ่นดิน แต่มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ยื้อจนปัจจุบันยังไม่ทำอะไร
กระทั่งเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผย ถือว่านับแต่ปี 64 ยังไม่มีผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีที่มีอำนาจหรือผู้ว่าการรถไฟฯ ไม่ทราบว่าใช้อำนาจและเทคนิคกฎหมายอย่างไร แต่เป็นเรื่องไม่สมควร เพราะที่ดินเป็นจองรัฐต้องคืนให้รัฐ
นอกจากเรื่องที่ดินเขากระโดง ในวันเดียวกันนี้ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำของนายศักดิ์สยาม ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 หรือไม่ ซึ่งเป็นกรณีเกี่ยวเนื่องกับคำร้องที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นต่อประธานสภาฯ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม จากกรณีการคงไว้ซึ่งหุ้นส่วน และยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นผลให้ศาลรัฐธรรมนูยสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ที่มายื่นเพื่อให้สมบูรณ์ โดยมาตรา 144 เป็นเรื่องที่ ส.ส. ส.ว. กรรมาธิการ ห้ามกกระทำการใดๆ ที่ทำให้ตนได้ผลประโยชน์จากงบประมาณโดยตรงหรือโดยอ้อม เมื่อผนวกกับความเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่และรับสัมปทานของกระทรวงคมนาคม
ดังนั้น ไม่ต้องตีความอะไรมากมาย นั่นคือ การได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากงบประมาณที่ตนดูแล และเป็นเหตุผลให้ศาลเห็นว่า การที่นายศักดิ์สยามยังถือหุ้นบริษัท จะมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะบริษัทรับสัมปทานจากกระทรวงคมนาคม
ส่วน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 144 ตามที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ บอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง คือ ไม่ต้องการให้ ส.ส. กรรมาธิการ ผู้เสนองบประมาณหรือรัฐมนตรี รวมทั้งวุฒิสภา กระทำอื่นใดในการแปรญัตติ หรือกระทำการต่างๆ เพื่อให้ ส.ส.หรือกรรมาธิการ ได้ไปซึ่งงบประมาณ โดยกรณีที่นำมายื่นคือการพิจารณางบประมาณปีงบประมาณ 2564 ซึ่งนายศักดิ์สยามเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณปี 64 และในการพิจารณานายศักดิ์สยามก็โหวตรับงบประมาณ ในวาระ 1-3 ด้วย แต่สิ่งที่เราพบคือ การเป็น ส.ส.หรือกรรมาธิการ ของนายศักดิ์สยาม มีบางส่วนที่ทำให้ท่านได้ไปซึ่งการใช้งบประมาณที่ท่านพิจารณาในครั้งดังกล่าวรวมกว่า 372 สัญญา
โดย หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ได้งานประมาณ 38 สัญญา เป็นเงิน 600 ล้านบาท และมีสัญญาอื่นกับกลุ่มบริษัทที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทย รวม 300 สัญญา เป็นเงินทั้งหมดประมาณ 4,000 ล้านบาท เราจึงต้องเรียกร้อง 2 ข้อคือ..
1. ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การพิจารณางบประมาณ และการเป็นกรรมาธิการ การเป็นผู้เสนองบประมาณ รวมทั้งการกระทำอื่นใดนั้น ขัดกับรัฐธรรมนูญปราบโกงหรือไม่
และ 2. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเงินในส่วนดังกล่าวคืน 4,000 กว่าล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันเดียวกันนั้น นายชูวิทย์ ได้ยื่นคำร้องให้ กกต. ตรวจสอบการรับบริจาคเงินพรรคภูมิใจไทย ว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 72 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ และให้ กกต.พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย
นายชูวิทย์ แถลงว่ามาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่นายศักดิ์สยามโอนหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 190 ล้าน ให้นายศุภวัฒน์ป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน ไม่ได้เป็นการโอนหุ้นจริง เพราะจากการตรวจสอบนายศุภวัฒน์ไม่มีรายได้ ไม่มีการยื่นเสียภาษี จึงถือเป็นการโอนหุ้นให้นอมินีที่เป็นพนักงานในบริษัทถือแทน
โดยนายศักดิ์สยามยังเป็นเจ้าของบริษัท และการที่บริษัทได้รับงานจากกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายศักดิ์สยามดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม จึงเป็นการรู้อยู่แล้ว แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้บริษัทดังกล่าวได้รับงานกว่า 100 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท
โดยมอบอำนาจให้นอมอนี นำเงินที่ได้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทยหลายครั้ง เงินดังกล่าวจึงได้มาโดยมิชอบ ดังนั้น นายศักดิ์สยาม ในฐานะเลขานุการพรรคภูมิใจไทย จึงรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าเงินมาจากไหน
ทั้งนี้ การที่นายศักดิ์สยามและพรรคภูมิใจไทยรับเงินบริจาคจาก หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และนายศุภวัฒน์ จึงเข้ามาตรา 72 ซึ่งเปรียบเหมือนต้นไม้พิษ ผลไม้ก็เป็นพิษ
เสือออนไลน์