ปม “อดีตนายกฯ ทักษิณ” ขอกลับมาติดคุกในไทย หรือการจับกุม “ศิลปิน 3 นิ้ว” ขณะพ่นข้อความทำลายความมั่นคงบนรั้วกำแพงวัดพระแก้ว จะใช่เรื่องบังเอิญหรือไม่? แต่ที่แน่ๆ ท่ามกลางวันเวลาในโหมดการเลือกตั้งใหญ่ของไทยรอบใหม่ ก็คงจะมีปรากฏการณ์ “เหนือจินตนาการ” ออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ส่วนจะเป็นเรื่องใดนั้น คงมีแต่ “จอมบงการ” ในทางเมืองเท่านั้นที่รู้ ฉะนั้น เมื่อ “โหวตเตอร์” ทั้ง 52 ล้านคน ได้ตัดสินใจในทางการเมืองไปแล้ว ก็ขอให้ยืนหยัดในจุดเดิมต่อไป
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เพิ่งจะให้สัมภาษณ์...สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น ถึงบั้นปลายของชีวิต ที่ตัวเขาจะขอกลับมารับโทษ...ติดคุกในประเทศไทย แลกกับการใช้เวลาที่เหลือของชีวิตอยู่กับลูกหลานบนแผ่นดินเกิด
หลังเสร็จศึกเลือกตั้งใหญ่ที่ตัวเขามั่นใจว่า...รัฐบาลสมัยหน้าต้องมีชื่อ “พรรคเพื่อไทย” เป็นแกนหลักจัดตั้ง คือ “ไทม์ไลน์” ของปรากฏการณ์ที่ว่านี้...
แต่จะไม่ขอใช้วิถีทางนิรโทษกรรมของพรรครัฐบาล โดยยอมติดคุกและสู้คดีต่างๆ เท่าที่จะทำได้
แค่นั้น...ก็ช่วยเรียก “เรตติ้ง” จากฝั่งคนกลางๆ และยังไม่ปักใจจะเลือกพรรคการเมืองในซีกซ้ายหรือฝั่งขวา แต่ทว่า...เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายรัฐบาล 8 ปีเศษ ที่ผู้นำฯ ประกาศตัวว่า... มือสะอาด หัวใจซื่อสัตย์ และสุจริต แต่ไม่ยอมให้ใครหรือหน่วยงานใดตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน
ส่วนจะเทให้พรรคสีแดงหรือสีส้ม...นั่นก็เรื่องนึง
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากกระแสข่าวนี้ ได้ทำให้ “นักวิชาการ” ฟากประชาธิปไตย สะท้อนมุมมองอื่นๆ ตามมาอย่างมากมาย หนึ่งในนั้น...พูดถึงขั้นที่ว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ อาจไม่ต้องติดคุก!
หากกระบวนการยุติธรรมจะย้อนกลับไปพิจารณาคดี “การทำรัฐประหาร” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. สมัยนั้น...
คนติดคุก! อาจเป็นคณะนายทหาร คมช. และคดีที่ยัดเยียดให้กับอดีตนายกฯ คนที่ 23 ของประเทศไทย อาจกลายเป็น “โมฆะ” ก็ได้
ก็ถ้ามีการฟื้นฝอยหาตะเข็บ โดยขุดเอาเรื่องที่ คมช. ทำการยึดอำนาจ “รัฐบาลทักษิณ” เมื่อปี 2549 ได้ แน่นอนย่อมต้องส่งผลสะเทือนไปถึงการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สมัยนั้น...เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารเช่นกัน
และผลของมัน...ย่อมจะส่งต่อไปถึงคำสั่งและคดีความต่างๆ ของ คสช. และของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ตามมาอย่างมหาศาล ชนิดคาดเดากันไม่ได้ว่า...ผลแห่งมันจะรุนแรงมากมายสักเพียงใด
ดังนั้น เรื่องอดีตนายกฯ ทักษิณ จะกลับไทยและยอมติดคุก ก็ทำไป แต่อย่าได้แตะคณะนายทหารกลุ่มทำรัฐประหารอย่างเด็ดขาด!
แม้ไม่มีเสียงเตือนจากฝ่ายความมั่นคง แต่ “คอการเมือง” ก็พอจะจับสัญญาณได้ว่า...จะเกิดอะไรขึ้นตามมา หากมีการนำกระบวนการยุติธรรมไปใช้พิพากษาความผิดของคณะนายทหารที่ทำการยึดอำนาจของประชาชน ทั้ง 2 ครั้ง
ล่าสุดข่าว...อดีตนายกฯ ทักษิณ ยังดังต่อเนื่องได้ไม่สุด! บังเอิญเหลือเกินว่า...ดันเกิดข่าวที่ ศิลปินเครือข่าย 3 นิ้ว ที่รู้จักกันในชื่อ "บังเอิญ คนจริง" ดอดไปพ่นข้อความและตราสัญลักษณ์บางอย่าง (112) บริเวณรั้วกำแพงของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนครกรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์นี้...ถูกมองว่าเป็น การบ่อนทำลาย “ความมั่นคงของชาติ”
พาดพิงไปถึง...กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดในท่วงทำนองเดียวกัน และพรรคการเมืองบางพรรค ที่มี “จุดยืน” ต่อการปฏิรูปบางสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ดันไปตรงกับข้อความที่ศิลปินคนนี้...กำลังใช้สีสเปรย์พ่นลงบนรั้วกำแพงวัดพระแก้ว กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมขณะกำลังปฏิบัติภารกิจนี้
มองเผินๆ ก็ต้องบอกว่า...นับเป็นความโชคดีของประเทศไทยและคนไทยส่วนใหญ่ ที่รู้สึกไม่ดีกับการกระทำดังกล่าว แต่หากจะมองให้ลึกกว่านั้น การเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในขณะที่ศิลปิน "บังเอิญ คนจริง" กำลังเหยียบย่ำหัวใจของคนไทยนั้น เป็นเหตุการณ์ที่บังเอิญเกิดขึ้น โดยไม่มีการจัดฉาก! ใช่หรือไม่?
เพราะคนที่สงสัย...ก็คงไปห้ามไม่ให้สงสัย คงไม่ได้
ต้องยอมรับว่า...เหตุการณ์นี้ นอกจากจะกลบข่าวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ขอกลับมาติดคุกในประเทศไทยแล้ว ยังทำให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่ในฝั่งประชาธิปไตย พลอยถูกโยงไปกับการกระทำของ ศิลปิน "บังเอิญ คนจริง" ไปด้วย...
หนักสุด! ก็น่าจะเป็นพรรคก้าวไกล ที่ชูแนวคิดทางการเมืองหลายเรื่อง ซึ่งได้สร้างความอึดอัดใจแก่ฝ่ายผู้ถืออำนาจรัฐและฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ การยกเลิกกฎหมาย มาตรา 112 เรื่อยไปจนถึงการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ฯลฯ
คะแนนที่กำลังจะมา พลอยถูกฉุดลงไปพลัน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนกลางๆ ข้างต้น
ประเด็นคือ...เพราะเหตุใด? อดีตนายกฯ ทักษิณ จึงร่ำๆ จะขอกลับเข้ามาติดคุกในประเทศไทย ณ ห้วงเวลาแห่งการเข้าสู่ “โหมดการเลือกตั้งใหญ่” และเพราะเหตุใด? ศิลปินเครือข่าย 3 นิ้ว จึงเลือกจะใช้สเปรย์พ่นข้อความทำลายความมั่นคงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ “คาหนังคาเขา” เอาในห้วงเวลานี้ได้...
มันเป็นความบังเอิญจริงๆ น่ะหรือ?
หรือเป็น “เกมการเมือง” ที่ “จอมบงการ” ของทั้ง 2 ฝ่าย...ประชาธิปไตยเสรีนิยม และอนุรักษ์นิยม กำลังชิงไหวชิงพริบและห่ำหั่นต่อกัน โดยมีคนไทย...เป็น “ตัวประกัน”
ท่ามกลางเขาควายทางการเมืองในรอบนี้ ก็ยากจะคาดเดาได้ แต่ที่แน่ๆ มันไม่น่าจะเป็นเรื่องของความบังเอิญ และก็น่าจะมีความไม่บังเอิญครั้งใหม่...เกิดขึ้นตามมาในเวลาอันใกล้ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไร? อันนี้...ตอบไม่ได้ เพราะ “จอมบงการ” ของทั้ง 2 ฝ่าย “ลึกซึ้งและลึกลับ” เกินกว่าจะอ่านเกมได้เท่าทัน
สิ่งเดียวที่บอกกันได้ ก็คือ...เราคนไทย ผู้มีสิทธิ์มีเสียงในฐานะ “โหวตเตอร์” รวมกันทั่วประเทศมากกว่า 52 ล้านคน อย่าได้หลงใหลได้ปลื้ม หรือโกรธเกลียดเป็นฟืนเป็นไฟ กับปรากฏการณ์ใดๆ ก็ตาม ที่จะเกิดขึ้นตามมาในห้วงเวลานับจากนี้...อย่างเด็ดขาด!
ถามหัวใจของตัวเองให้ถ้วนถี่และแน่นหนัก! เคยรักใครชอบใคร เห็นพรรคการเมืองใดที่มีผลงานเข้าตา ก็โปรดยืนยันกับจุดยืนและความคิดดังกล่าว กระทั่งนำไปสู่การตัดสินใจทางการเมืองในครั้งนี้ต่อไป
หาไม่แล้ว...เรานั่นแหล่ะ จะกลายเป็น “เหยื่อ” ในทางการเมือง มิต่างจาก...การต้องยืนหยัดอยู่ท่ามกลางระหว่างเขาควายสองข้าง
เททางด้านซ้าย หรือเอียงไปทางด้านขวา ก็ล้วนจะเจ็บปวดรวดร้าว...ไม่ต่างกัน!
การเมืองในโหมดของการเลือกตั้ง เราอาจได้เห็น ภาพที่ “กลุ่มคนการเมือง” ต่างเดินเข้าหาและยกมือไหว้ เพื่อแนะนำตัวและขอคะแนนเสียง โดยไม่สนใจว่า...เราคือใคร? มีสถานะทางสังคมระดับใด? ไม่รู้แม้กระทั่งว่า...เราอยู่ในพื้นที่ลงคะแนนเสียงให้กับพวกเขาหรือไม่?
แต่พวกเขาก็กรานกราบ...ด้วยความพินอบพิเทา จนกว่าเกมการเลือกตั้งครั้งใหญ่จะสิ้นสุดลง! ทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
นั่นคือ “ไม่รู้จักเธอ ไม่รู้จักฉัน” และเรา...ก็ไม่(เคย)รู้จักกัน!
ฉะนั้น จงอย่าได้หลงเชื่อกับปรากฏการณ์ในทางการเมืองครั้งใหม่ ที่ “จอมบงการ” ของทั้ง 2 ฝ่าย อาจงัดไม้ตายออกมาทำลายกันและกัน...สร้างคะแนนเสียงไปวันๆ ก็เท่านั้น
เราเตือนคุณแล้ว!!!