หลายคนอาจมองไม่เห็น? แต่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” จะชี้ประเด็น! เชื่อมโยงความเป็นอภิมหาเศรษฐีไทย กับแผนสกัดกั้น มิให้ “ทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ก้าวสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นใด? ลองอ่านกันดู
………
ผลสำรวจปี 2023 ของนิตยสารฟอร์บส์ ชิ้นล่าสุด เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ชี้ชัด! อันดับอภิมหาเศรษฐีไทยในปีนี้ พบว่า...ผลรวม “รวยเพิ่มขึ้น” มากถึง 15% ท่ามกลางการฟื้นตัวเล็กๆ ของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก
สิ่งนี้...ได้กลายเป็นประเด็นจุดสนใจของผู้คนที่เกาะติดและจับจ้องการเมืองไทย ชนิดลงลึก! กันเลย
วาระเศรษฐกิจ...เรื่องของอภิมหาเศรษฐีแท้ๆ แล้วไหง? คอการเมืองไทย.. ดันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้เล่า???
เหตุที่ต้องให้ความสนใจในแบบเกาะติดและลงลึก! นั่นเพราะ...การเมือง โดยเฉพาะนโยบายที่อาจเป็น “ปฏิปักษ์” ต่อการ “ผูกขาดอำนาจรัฐ” และ “ผูกขาดตลาด” ของบรรดากลุ่มทุนขนาดใหญ่ถึงยักษ์ ที่ล้วนเกี่ยวพันกับเจ้าสัวนักธุรกิจระดับชาติและข้ามชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็ติด อันดับอภิมหาเศรษฐีไทย...รวยมากที่สุดของปี 2566 นี้
ใครเป็นใคร? ในกลุ่มอภิมหาเศรษฐีไทย 10 อันดับแรก ที่นิตยสารฟอร์บส์ จัดทำขึ้นมานั้น ลองย้อนกลับไปอ่านกันดูคร่าวๆ...
เริ่มจาก อันดับที่ 1 ซึ่งเป็นของ พี่น้องตระกูล “เจียรวนนท์” ที่พบว่าปีนี้ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 3.4 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 1.18 ล้านล้านบาท อันดับ 2 เป็นของ เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.34 หมื่นล้านเหรียญ หรือราว 1.16 ล้านล้านบาท, อันดับ 3 ตกเป็นของ เจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.36 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 4.73 แสนล้านบาท
อันดับ 4 ครอบครัวจิราธิวัฒน์ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.24 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 4.32 แสนล้านบาท, อันดับ 5 สารัชถ์ รัตนาวะดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.13 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 3.93 แสนล้านบาท, อันดับ 6 วานิช ไชยวรรณ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.9 พันล้านเหรียญ หรือ 1.36 แสนล้านบาท, อันดับ 7 น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.8 พันล้านเหรียญ หรือ 1.32 แสนล้านบาท
อันดับ 8 อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.5 พันล้านเหรียญ หรือ 1.21 แสนล้านบาท, อันดับ 9 สมโภชน์ อาหุนัย และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3 พันล้านเหรียญ หรือ 1.04 แสนล้านบาท และ อันดับ 10 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.5 พันล้านเหรียญ หรือราว 8.70 หมื่นล้านบาท
ส่วน กลุ่มอภิมหาเศรษฐีที่ไม่ติด “Top 10” แต่อยู่ในความสนใจของคนไทยและคอการเมืองไทย โดยเฉพาะ “โทนี่” หรือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ปีนี้...เขยิบอันดับจากปีก่อนที่อยู่ลำดับ 14 มาเป็นลำดับที่ 13 ด้วยทรัพย์สินมากถึง 2.1 พันล้านเหรียญ หรือ 7.3 หมื่นล้านบาท
นั่นเพราะอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของเมืองไทย...เคยถูกพิษการเมืองและเกมการเมืองนอกสภา! เล่นงาน (รัฐประหาร) จนไม่ได้อยู่ในแผ่นดินแม่ อีกทั้งยังเป็น “ผู้มีบทบาทสำคัญ” ต่อพรรคเพื่อไทย...พรรคการเมืองอันดับ 2 ของการเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด
อยู่นอกประเทศแท้ๆ แถมโดนประทับตราให้เป็น “ผู้ร้ายข้ามแดน” แต่ก็ยังจะสร้างความมั่งคั่ง กระทั่งติดอันดับ Top 20 ของอภิมหาเศรษฐีไทยในปี 2566 นี้
หลายคนในกลุ่มอภิมหาเศรษฐีไทย? ถูกมองว่า...ใกล้ชิดกับ “อำนาจรัฐ” จนได้รับการอำนวยความสะดวกให้ทำการ “ผูกขาดตลาด” ในประเทศไทย ได้ง่ายๆ
นั่นจึงทำให้ “คอการเมือง” ทั้ง...นักวิชาการ สื่อมวลชน และคนทั่วไป ต่างทำการลากโยงไปถึงความพยายามที่จะสกัดกั้น... ไม่ให้ "ทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ก้าวสู่การนั่งเก้าอี้...นายกรัฐมนตรีคนที่ 30
ชนิด...ต้องตั้ง “กำแพงเหล็ก” หนาหลายชั้น เพื่อต้าน...กระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง! แบบสุดลิ่มทิ่มประตู
หากไม่สกัดกั้นเสียแต่ตอนนี้ ปล่อยให้ "ทิม - พิธา" เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วล่ะก็ นโยบายของพรรคก้าวไกล ทั้งต่อการสลายการ “ผูกขาดอำนาจรัฐ” และ “ผูกขาดตลาด” ที่จะต้องประกาศใช้ ก็อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญและก้างขวางคอชิ้นใหญ่ ของบรรดาเจ้าสัว...อภิมหาเศรษฐีไทยได้
แน่นอนว่า...นโยบายดังกล่าว ย่อมจะกั้นขวาง...การครอบครองและเข้าถึง “อำนาจรัฐ” รวมถึงการ “ผูกขาดตลาด” เช่นที่เคยทำกันมาแบบหวานๆ ตลอด 9 ปีเศษที่ผ่านมา
ไม่เพียง...ลด “การผูกขาดและเข้าถึงอำนาจรัฐ!” หากยังจะไปลดทอน “อัตราเร่ง” ของการเพิ่มโอกาสสร้างความร่ำรวยให้กับพวกเขาได้
เมื่อรวมกับอีกหลายๆ นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่มีแนวโน้มจะเป็นแกนนำ “จัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย” และจะประกาศใช้นโยบายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น...การลดทอนพลังของกองทัพ ทั้งการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การพิจารณาการมีอยู่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) การจัดทำงบประมาณแผ่นดินรูปแบบใหม่ ฯลฯ
รวมถึงปมที่กำลังเป็น ประเด็นร้อน และถูกหยิบขึ้นมาต่อต้านการยกมือโหวตเลือกให้ "ทิม – พิธา” ได้เป็นหรือไม่ได้เป็น...นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในการประชุมรัฐสภาสมัยแรก ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นี้
“การแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112”
มันจึงกลายเป็นรายการ “ขนมผสมน้ำยา!” ขมวดปม...ร่วม “ลงขัน” เล่นเกมสกัดกั้น หวังหยุด “ทิม พิธา” มิให้ได้เข้าใกล้เก้าอี้ตัวนั้น
ยุทธการ...หยุด! และหยุดเสียแต่วินาทีนี้ จึงอุบัติขึ้น! ผ่านเครือข่ายกลุ่มคนและองค์กรต่างๆ ทั้งในและนอกรัฐธรรมนูญ ไม่เว้นแม้แต่...องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่???
หยุด!...โดย พวกเขาบางคน? ในกลุ่มอภิมหาเศรษฐี กลุ่มนี้ ไม่จำเป็นต้องออกหน้า...ประกาศ “ชูงธงรบ” ในฐานะ...“แนวหน้าในสนามศึก” ก็แค่ “ชักใยอยู่เบื้องหลัง” และจ่าย "อัตรา" ในระดับที่จะโน้มน้าวใจของคนทุกระดับที่มีศักยภาพเพียงพอจะกระทำการใหญ่นี้ได้ ก็พอ...
จ่ายเพื่อทำลาย และหยุด "ทิม พิธา" อย่าให้ก้าวเข้าใกล้...เก้าอี้ตัวนั้น
นั่นคือภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการ ทั้งก่อนและในวันนัดหมายสำคัญ...โหวตเลือก “นายกรัฐมนตรีคนใหม่”
ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหน? และหลังผ่านพ้นการได้มาซึ่งเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 30” ที่จะลงเอยในคราวแรก หรือคราวต่อๆ ไป ก็ไม่อาจจะล่วงรู้กัน
ยังจะมีเหตุการณ์อะไรพลิกผัน! ในแบบสุดพิศดารออกมาให้เห็นอีกหรือไม่?
ไม่ช้า...ไม่นาน เราคงได้เห็นกัน!!!.
หมายเหตุ: อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกัน!
เนตรทิพย์: บทความพิเศษ
อนาคตใหม่กับ... รัฐบาลสายล่อฟ้า!
http://www.natethip.com/news.php?id=6765