นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง มอบนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกต่อ “ทีมไทยแลนด์” พร้อมด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั่วโลก และฝ่ายส่งเสริมการลงทุน ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ท่านนายกฯ ได้ให้นโยบายชัดเจนในการทำงานครั้งใหม่ เริ่มต้นจากการร่วมมือ หลอมความคิด หลอมนโยบาย หลอมเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน โดยการร่วมมือครั้งนี้ เอกอัครราชทูตจากทั่วโลก ทูตพาณิชย์จากทั่วโลก สำนักงานบีโอไอทั่วโลก (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) จับมือทำงานร่วมกัน ในทิศทางเดียวกัน ทุกส่วนอยู่ในสถานทูตอยู่แล้ว ร่วมกันเป็นทีมเดินหน้า จากที่ท่านนายกฯ ได้ไปเปิดตลาด เปิดที่ทางให้ กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการชัดเจน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่ดูแลทูตพาณิชย์ สำนักงานปลัดที่ดูแลพาณิชย์จังหวัด เรารองรับเดินหน้า เราจะตามต่อ เช่น ที่ไปพบกับไมโครซอฟท์ และ Google แล้วจะมีการลงทุน ทูตพาณิชย์ที่ประจำที่นั่นก็จะไปตามต่อ อำนวยความสะดวกให้สิ่งที่ท่านนายกฯพูด เกิดผลตามความเป็นจริง และกระทรวงการต่างประเทศ นโยบายก็ไปในทิศทางเดียวกัน วันนี้ทั้ง 3 หน่วยงานจะคุยกันลึกขึ้น ทั้ง บีโอไอ กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ได้คุยถึงจุดยุทธศาสตร์ ที่มีอยู่ 10 จุด เป็นกลุ่มเป้าหมาย หาตลาดใหม่ และรักษาตลาดเก่า และขยายเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งเดินทางในทิศทางที่ท่านนายกฯต้องการ เช่น ประเทศจีนตอนนี้ก็ดำเนินการอยู่ ไปถึงระดับมณฑล ตอนนี้ดำเนินการ 6-7 มณฑล แต่ละมณฑลมีประชากรถึง 100 ล้านคน มากกว่าประเทศไทย และผู้แทนการค้าคุยกันเรื่องการเปิดตลาด ตอนนี้จีนก็ประกาศว่าจะเป็นตลาดโลก เป็นโอกาสดี ให้ทูตพาณิชย์อาศัยโอกาสนี้ นอกจากนี้ยังจะบุกตลาดตะวันออกกลาง และตลาดเแอฟริกา จะทำให้ตลาดของเราใหญ่ขึ้น
ด้าน FTA กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กำลังดำเนินการหลายเรื่อง ที่คาดว่าปลายปีนี้จะจบ คือ FTA ไทย-ศรีลังกา ส่วน FTA ไทย-ยูเออี ก็กำลังเดินหน้าหาทางหาประโยชน์ร่วม และเราสนใจในการทำ FTA กับยุโรปอีกหลายเรื่อง ทั้ง IUU และประมง ตนได้พบกับทูตอียู เราจะเริ่มความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้มากขึ้น กำลังจะเปิดเจรจาให้ชัดเจนขึ้น
ที่ท่านนายกฯ ให้นโยบายวันนี้เป็นฐานสำคัญ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ถ้าหล่อหลอมวิญญาณ หลอมจิตใจทั้งหน่วยงานราชการให้ไปประสานกับฝ่ายเอกชน รัฐบาลนี้มีเอกชนเป็นทัพหน้า มีศักยภาพมีความสามารถในการไปลงทุน หลายส่วนมีศักยภาพ ถ้าจะให้ดีรัฐบาลเป็นแบ็คอัพให้ดำเนินการได้จะทำได้ดีกว่านี้ และเรากำลังเริ่มต้นให้เอสเอ็มอีของเราขยายบทบาท ซึ่งรัฐต้องให้ความสำคัญรับนโยบาย เปลี่ยนรัฐที่เป็นอุปสรรคให้เป็นรัฐที่ส่งเสริมสนับสนุน เป็นรัฐดิจิทัลหาทางออก และจากนี้ไปกำลังรีวิวกฏหมายต่างๆ ถ้าต้องแก้ไขจะแก้ไข ซึ่งบางฉบับเก่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 อาจเหมาะสมในขณะนั้น แต่ไม่ใช่วันนี้ โลกเปลี่ยนไปเยอะมาก ถ้าไม่เท่าทันโลกและไม่สร้างการพาณิชย์ยุคใหม่ ไม่สร้างเครื่องมือใหม่จะตามไม่ทันโลก เรื่อง Soft Power ก็เป็นเรื่องสำคัญและกำลังเดินหน้า คนในประเทศต้องทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อจะได้เป็นเครื่องมือเดินหน้า ทำความคิดให้เป็นก้อนเดียวกัน ชัดเจนและจะเดินหน้าไปอย่างมีพลัง