ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ส่งสัญญาณไปถึงรัฐมนตรีทุกรายให้เร่งสร้างผลงานมากกว่าจะวิ่งพล่านหาเส้นสาย พร้อมประกาศกร้าว “วิ่งไปก็แค่นั้นสู้เอาเวลามาสร้างผลงานจะดีกว่า....” ภายหลังกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีแพร่สะพัดขึ้นมา..
….
แน่นอนว่า การปรับคณะรัฐมนตรีที่จะมีขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อเรียกศรัทธาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกลับคืนมา หรือเพื่อกระชับอำนาจ และอีกส่วนก็เพื่อกระตุ้นให้รัฐมนตรีของพรรคได้ขยับก้นทำงานให้เป็นรูปธรรมกันเสียที
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า รมต.ของพรรคเพื่อไทยหลายต่อหลายคนนั้นแทบจะได้ชื่อว่าเป็น “รมต.ไม้ประดับ” เพราะไร้ชื่อ ไร้ผลงาน หรือ “มีก็เหมือนไม่มี” ไม่เป็นที่รู้จักมักจี่ของผู้คน แม้ได้โอกาสให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการแล้ว ก็กลับไม่สามารถจะสร้างผลงานใด ๆ ออกมาได้
แม้แต่กระทรวงคมนาคมที่พรรค พท. คาดหวังจะโชว์ผลงาน “ชิ้นโบแดง” ในการขับเคลื่อนนโยบายหลักของพรรค ไม่ว่าจะเป็นนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การพัฒนาระบบขนส่งทางราง รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูง ฯลฯ โดยพรรคถึงกับยอมแลกกระทรวงมหาดไทย รวบหัวรวบหางเอากระทรวงคมนาคมมาโม่แป้งเองทั้งหมด ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลอื่นเบียดแทรกเข้ามาเป็นยาดำ
แต่ตลอดห้วงเวลา 6-7 เดือนที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลงานของกระทรวงคมนาคมนั้น “ล้มเหลวสุดบู่” ไม่สามารถจะขับเคลื่อนนโยบายอะไรให้เป็นรูปธรรมได้ ทั้งนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การพัฒนาระบบขนส่งทางราง และรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ที่จนป่านนี้ยังไม่มีการขยับไปสักโครงการ
ซ้ำร้าย มีกระแสข่าวว่า เกิดความขัดแย้ง และปีนเกลียวภายในกระทรวงคมนาคมอย่างรุนแรง ระหว่าง นายสุรพงษ์ ชนะโชติ รมช.คมนาคม ที่กำกับดูแล รฟม. กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เพราะนายสุรพงษ์นั้น มีนโยบายจะให้มีการปรับเปลี่ยนบอร์ด รฟม.ยกชุด เฉกเช่นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ที่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนขั้วทางการเมือง ก็มักจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบอร์ดและผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจตามมา
ทั้งยังมีนโยบายให้ยกเลิกการประกวดราคารถไฟฟ้าสายสีส้มที่คาราคาซังมากว่า 1 ปี 6 เดือนนี้ เพื่อ “ล้างไพ่” เปิดประมูลใหม่แก้ไขข้อครหาทั้งมวล แต่นโยบายของ รมช.คมนาคม ผู้กำกับดูแล รฟม. ถูกนายสุริยะ “กระตุกเบรก” โดยไม่ยอมให้มีการปรับเปลี่ยนบอร์ด รฟม. รวมทั้งการชะลอสรรหาผู้ว่าการ รฟม.คนใหม่ด้วย กลายเป็นความขัดแย้งที่ทำให้ผลงานของกระทรวงคมนมาคม “ย่ำอยู่กับที่” ไม่ไปไหน
ล่าสุด! มีรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า นายสุรพงษ์ ยอมปรับเปลี่ยน “ว่าที่ประธานบอร์ด รฟม.” คนใหม่ จากที่เคยวางตัวจะเสนอรายชื่อ นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล อดีตผู้ว่าการ รฟม. มาเป็นประธาน มาเป็น นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่งโดยตรง แต่ก็ถูกนายสุริยะชะลอการเสนอรายชื่อบอร์ด รฟม.ชุดใหม่เอาไว้ ด้วยข้ออ้าง ต้องการให้บอร์ด รฟม. ชุดเดิมปิดบัญชีประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้ม ให้เรียบร้อยเสียก่อน
ขณะที่แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ความคาดหวังของกระทรวงคมนาคมที่จะกระเตงผลประกวดราคาโครงการนี้ เสนอที่ประชุม ครม.นั้น เป็นไปได้ยาก แม้ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่เกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการนี้ไปหลายคดี แต่กระนั้นยังคงมีคดีความและประเด็นที่ถูกฟ้องร้องคาราคาซังอยู่อีกหลายคดี ทั้งกรณีที่พรรคฝ่ายค้าน รวมทั้ง “พรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนการจัดฮั้วประมูลโครงการนี้”
นอกจากนี้ ยังมีผลสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เคยสรุปสำนวนการไต่สวนการฮั้วประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติม รวมทั้งยังดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมการประมูลครั้งใหม่ในกลางปี 2565 นี้ด้วยอีก ทั้งยังส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคมตั้งคณะกรรมการไต่สวนคดีนี้ด้วย แต่ รมว.คมนาคม ได้มีคำสั่งให้ยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยอ้างว่า ซ้ำซ้อนกับคดีที่ศาลปกครองสูงสุดดำเนินการพิจารณาอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นการท้าทายอำนาจของดีเอสไอโดยตรง และคำสั่งของดีเอสไอที่ให้ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ก็เป็นคนละกรณีกับเรื่องที่มีการฟ้องศาลด้วย
“ที่สำคัญ รมว.คมนาคม คงต้องตอบคำถามสังคม และพรรคเพื่อไทยเอง ในเมื่อพรรคมีนโยบายที่ชัดเจนจะผลักดันค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และที่ผ่านมาก็สามารถดำเนินการไปได้เพียง 2 สายเท่านั้น คือ สายสีแดง และสายสีม่วงใต้ ไม่สามารถผลักดันให้โครงการข่ายอื่น ๆ ดำเนินการตามนโยบายได้ แล้วทำไมจึงไม่ล้างไพ่จัดประมูลโครงการสายสีส้มนี้ใหม่ภายใต้นโยบายหลักของพรรค แต่กลับจะนำเสนอผลประกวดราคาโครงการที่มีการตั้งราคาค่าโดยสาร 17-46 บาทตลอดสาย แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่นโยบายของพรรคจะไปถึงเป้าหมายได้ หากคมนาคมยังคงดั้นเมฆดำเนินการไปเช่นนี้”
ไม่เข้าใจว่า ทำไมนายกฯ และพรรคเพื่อไทย (พท.) ยังยอมให้ รมว.คมนาคม กระเตงโครงการประมูลที่พรรคเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ และประกาศลั่นจะล้มประมูลทันทีหากได้เป็นรัฐบาล แต่เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลจริง รมว.คมนาคม กลับกลับลำจะกระเตงผลประกวดราคาตั้งแต่ปีมะโว้ เมื่อกว่า 1 ปี 6 เดือนมาแล้ว จะเสนอ ครม.เพื่อให้ความเห็นชอบ ทั้งที่โครงการดังกล่าวย้อนแย้งกับนโยบายของพรรคโดยสิ้นเชิง !
“โครงการดังกล่าวถูกแฉโพยว่า มีความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการประมูลมาอย่างฟอนเฟะ จนแม้แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมทั้งพรรคเพื่อไทยเองก็ยังร่วมหยิบยกขึ้นไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในอดีตมาแล้ว รวมทั้งยังร่วมยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้เข้ามาดำเนินการไต่สวนขบวนการจัดฮั้วประมูลโครงการนี้ เมื่อปลายปี 2565 ด้วย แล้วจะให้ ครม.ชุดนี้อนุมัติให้ไปเซ็นสัญญาได้อย่างไร”
หรือกระแสข่าวที่สะพัดออกมาก่อนหน้านี้ว่า กลุ่มทุนการเมืองร้องขอเงินทอน 10,000 ล้าน สำหรับการพลีชีพโครงการนี้ เพื่อเป็นหลักประกันเก้าอี้ตนเองนั้น จะเป็นเรื่องจริง?