ผู้ว่ารถไฟส่งสารอาลัยถึงพนักงาน หลังบอร์ดรถไฟ-คมนาคมสั่งเดินหน้าสรรหาผู้ว่าคนใหม่ วงในสะพัดล็อคตัว “วีริศ อัมระปาล” ข้ามห้วยจากกนอ.มาแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้โพสต์ข้อความบันทึกถึงพี่น้อง “คนรถไฟ” ไว้ในวันสุดท้ายของการทำหน้าที่ผู้ว่าการฯ คนที่ 19 ความว่า
การเข้ามารับตำแหน่ง “ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย” คนที่ 19 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 ถือว่าเป็นบทบาทที่ท้าท้ายมาก เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านขององค์กร ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำถามต่างๆ ที่ตามมามากมาย
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมได้อุทิศตัวทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังและความสามารถ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ความถูกต้อง คุณธรรม และธรรมาภิบาล อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด องค์กรที่พวกเรา “คนรถไฟ” ทำงานอยู่นี้ เกิดจากพระราชวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์พระราชทานกิจการรถไฟให้เป็นของชาติ ของปวงชนชาวไทยทุกคน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ผมรู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสเข้ามารับใช้และสานต่อพระราชปณิธานของพระพุทธเจ้าหลวงในองค์กรแห่งนี้
พร้อมกันนี้เจ้าตัวได้ย้อนรอยการทำงานร่วมกับคนรถไฟ ที่ต้องอาศัยการ เรียนรู้ รับฟัง แก้ไข จนนำมาซึ่งความสำเร็จของการรถไฟในเวลานี้ โดยเจ้าตัวได้สรุปการดำเนินงานของรถไฟ ในช่วงที่ผ่านมา ที่สามารถนำพาองค์กรฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การยกระดับคุณภาพชีวิตคนรถไฟ และลดค่าใช้จ่ายในอนาคตขององค์กร
การเริ่มต้นของโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง คือ สายเหนือ “เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ” และสายอีสาน “บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม” การเปิดใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ศูนย์กลางระบบรางแห่งใหม่ของประเทศ และการเปิดบริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เพื่อให้บริการแก่พี่น้องประชาชน
การจัดกิจกรรม อาทิ Hua Lamphong in Your Eyes กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้เห็นหัวลำโพง ซึ่งเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ผ่านเลนส์กล้องของนักถ่ายภาพจากสมาคนถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ การปรับปรุงขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA183 เพื่อนำมาให้บริการประชาชน และได้มีการเปิดทริปท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ จัดเป็นแพคเกจท่องเที่ยวที่ให้บริการพาเที่ยวและดูแลตลอดทริป โดยได้เริ่มครั้งแรกที่จังหวัดฉะเชิงเทราในเดือนธันวาคม 2565 และได้เปิดทริปในอีกหลากหลายเส้นทาง ซึ่งได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดีมาก โดยมียอดขายเกือบ 100% ในทุกทริปในระยะเวลาปีกว่า
ก่อนที่เจ้าตัวจะฝากภารกิจที่คนรถไฟจะต้องทำต่อนับจากนี้ ทั้งการ "จัดหารถจักร ล้อเลื่อน" และ “เพิ่มรายได้จากที่ดิน” โดยระบุว่า แม้ว่าเราจะแก้ไขและปรับเปลี่ยนไปได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผน พวกเราทุกคนคงยังต้องเหนื่อยกันอีกมาก ผมคงต้องฝากให้พวกเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจ ผลักดันให้สำเร็จ
“เวลานี้ รถไฟไม่ใช่แดนสนธยาอีกต่อไป พวกเราทำงานกันด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งให้ความสำคัญในการรับฟังทุกความคิดเห็นของประชาชน และคำนึงถึงประโยชน์ขององค์กรและประเทศชาติเป็นสำคัญ ซึ่งต่อจากนี้ไป การรถไฟฯจะเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “เป็นเส้นเลือดหลักในระบบโลจิสติกส์ของประเทศ” แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนที่จะต้องรักษา ยึดมั่นในอุดมการณ์เดิม ไม่เปลี่ยน และต้องมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รวมพลังปกป้องเพื่อไม่ให้ใครมาหาผลประโยชน์โดยมิชอบ จากองค์กรแห่งนี้ หากพวกเรารวมพลังกันแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครก็จะไม่สามารถทำร้ายองค์กรของพวกเราได้อย่างแน่นอน”
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้บอร์ดรถไฟได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการรถไฟคนใหม่ โดยมี นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ในฐานะกรรมการบอร์ด รฟท. เป็นประธาน โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการสรรหาผู้ว่าการ รฟท.คนใหม่ ประมาณ 2-3 เดือน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าฝ่ายการเมืองได้ล็อคตัวบุคคลที่จะเข้ามาเป็นผู้ว่าการรถไฟคนใหม่แล้ว โดยมีรายชื่อของนายวีริศ อัมระปาล ที่จะข้ามห้วยมาจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)