ภายหลังผลการประชุมผู้ถือหุ้นของ GULF และ INTUCH เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 67 โหวตผ่านฉลุยตามแผนการควบรวม ขั้นตอนต่อไป GULF ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น ADVANC และ THCOM โดย GULF และ INTUCH และดำเนินการควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่ NewCo คาดจะแล้วเสร็จช่วงกลางปีหน้าแต่ราคาหุ้นก็ขยับขึ้นกันต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ GULF จาก 40.50 บ.(ช่วงวันที่ 7 ก.ค.) ก่อนจะมีประกาศวันที่ 16 ก.ค.67 เรื่องควบรวมและปรับโครงสร้างการถือหุ้นและทำคำเสนอซื้อ ADVANC และ THCOM จนล่าสุดราคาปิดที่ 59 บ. (4 ต.ค.) บวกไป 18.50 บ. หรือ บวก 45%INTUCH ก็เช่นกันราคาหุ้นเริ่มออกสตาร์ท ช่วงต้นเดือน ก.ค. ช่วง 70.50 บ. (ราคาปิดวันที่ 2 ก.ค.) ขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ 97.25 บ.(4 ต.ค.) บวกไปแล้ว 26.75 บ. หรือ บวก 37.9%ADVANC ราคาก็เริ่มขยับช่วงต้นเดือน ก.ค. เช่นกัน ช่วง 210 บ. (ราคาปิดวันที่ 5 ก.ค.) ราคาล่าสุดอยู่ที่ 267 บ. (4 ต.ค.) บวก 57 บ. หรือ บวก 27%ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์หลายฝ่ายก็แสดงความเห็นไปต่างๆ นานา แต่จุดประสงค์หลักของการควบรวมก็เพื่อให้สถานะทางการเงินดีขึ้น Net IBD to equity จะลดลงเหลือเพียงราว 0.9 เท่า เท่านั้น มีโอกาสเพิ่มรูมการกู้ยืมอีกราว 2 แสน ลบ.เพียงพอการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่ม ซึ่งจัดเป็นธุรกิจ New S Curve ทั้งสิ้น อย่างธุรกิจ “เวิลด์ชวลแบงก์” หรือ ธนาคารไร้สาขา ซึ่งแม่งานหลัก คือ ADVANC ที่จับมือกับพันธมิตรอย่าง OR และ KTBหรือแม้แต่การที่ GULF เอง ก็จับมือกับ Google ให้บริการคลาวด์ในไทย เพื่อเน้นธุรกิจการให้บริการระบบคลาวด์ Google Distributed Cloud air-gapped หรือ GDC air-gapped ที่เน้นความปลอดภัยและความมั่นคงด้านข้อมูลสูงสุด เป็นต้น ซึ่งคาดจะมีความชัดเจนปี 68 รวมทั้งด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าก็ยังคงต้องเดินหน้าลงทุนกันอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจดาวเทียมซึ่งอยู่ภายใต้ THCOM ซึ่งในอนาคตจะเริ่มมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตมากยิ่งขึ้น ทั้งการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม IOT สายการบิน การขนส่ง รวมทั้งเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจพื้นที่วัดปริมาณการปล่อยคาร์บอนสิ่งเหล่านี้ คือ การขยับตัวของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเพียงกลุ่มเดียวที่ชัดเจนที่สุดและมีอนาคตที่สุด เพื่อให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ดังนั้น ราคาที่บรรดานักวิเคราะห์ได้ตั้งราคาเป้าหมายยังไม่ได้รวมธุรกิจในอนาคตเหล่านี้ส่วนราคาหุ้นกลุ่มนี้ ในระยะสั้นแม้ว่าจะปรับขึ้นมาแล้ว นักวิเคราะห์ก็แนะนำ “เก็งกำไร” ก็เป็นเรื่องปกติราคาหุ้นที่แรลลี่มาขนาดนี้ก็สมควรถึงเวลาพักบ้าง แต่เป็นการพักเพื่อไปต่อ…จึงต้องยอมรับว่า หุ้น 3 ตัวที่กล่าว ก็จะต้องเป็นที่จับจ้องของบรรดากองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นแน่แท้… และที่สำคัญเม็ดเงินขนาดใหญ่อย่างกองทุนวายุภักษ์ที่ระดมเงินได้กว่า 1.5 แสน ลบ. จะให้น้ำหนักไปที่หุ้นกลุ่มไหนที่มีอนาคตที่สุดในกลุ่ม SET50 เชื่อว่าก็คงหนีไม่พ้น GULF ADVANC และ INTUCH เด่นสุดในสามโลกจริงๆขอบคุณ: มิติหุ้น