
ที่รัฐสภา ช่วงวันที่ 13-14 ก.พ.68 เหมือนพรรคการเมืองร่วมกันจัดกิจกรรมปาหี่ ต้มประชาชน เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสียเวลาเปล่า!
รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ที่ใช้กันอยู่ ณ ปัจจุบัน เป็นมรดกสืบทอดมาจากการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ที่คณะรัฐประหาร และคนร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ จึงแก้ยากมาก!
ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (คสช.2) สมาชิกรัฐสภามีความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 โดยพรรคฝ่ายค้านเสนอให้เอาคนกลาง คือ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
ต่อมาวันที่ 11 มี.ค.64 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ที่ 4/64 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า “รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง”

เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ได้ผ่านการทำ “ประชามติ” ของประชาชนทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.59 จากจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 50,071,589 คน โดยมีผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ 29,740,677 คน (59.40%) เห็นชอบ 16,820,402 คน ไม่เห็นชอบ 10,598,037 คน ที่เหลือเป็นบัตรเสียและไม่ลงคะแนน
ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ที่หลายพรรคการเมืองคิดเหมือนกัน คือ ต้องการให้มีคนกลาง คือ ส.ส.ร. มาเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เหมือนกับรัฐธรรมนูญปี 40 แต่ไม่มี “ส.ส.ร.” อยู่ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 60 พูดง่ายๆ ว่า “ส.ส.ร.” ยังเป็นคนนอกของรัฐธรรมนูญ
“เสือออนไลน์” ขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดย ส.ส.ร. ก็ต้องทำ “ประชามติ” ก่อนเท่านั้น!
แม้ว่าคนไทยจะเสียเวลากันมาปีกว่าแล้ว แต่ก็ควรรอ “ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ” ที่ถูกพักไว้ 180 วัน จะครบกำหนดราวๆ เดือน มิ.ย.-ก.ค.68 หลังจากนั้นหาก สส. ยังยืนยันในหลักการของตัวเอง “เกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียว” จึงประกาศบังคับใช้ได้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60
เมื่อตรวจสอบขั้นตอนต่างๆ และเงื่อนเวลา คาดว่าจะทำประชามติได้ราวๆ ปลายเดือน ธ.ค.68 จนถึงต้นเดือน ม.ค.69 โดยมีแนวคำถามใน “ประชามติ” ว่าเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ ให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดย ส.ส.ร.
หรืออาจจะใส่ “คำถามพ่วง” มาด้วย ว่าเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ กับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนการทำประชามติในยุค “คสช.” ที่ยัดกรณีให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พ่วงเข้ามาด้วย!
“คำถามพ่วง” เกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลง โครงสร้างอำนาจขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะช่วยกระตุ้น เรียกประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ กันเยอะๆ ก็เป็นไปได้
สรุปสั้นๆ “ส.ส.ร.” ยังไม่มีในรัฐธรรมนูญปี 60 แล้วถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องทำ “ประชามติ” สอบถามคนทั้งประเทศก่อน! ซึ่งต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ หลังเดือน มิ.ย.-ก.ค.68 ไปแล้วโน่น!!
เสือออนไลน์