กรมธนารักษ์ตั้งเป้าหมายเก็บรายได้เข้ารัฐประมาณ 10,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2564 ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง และนายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานเพื่อเก็บรายได้เข้าประเทศตามเป้าที่ตั้งไว้ สำหรับโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ก็จะเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม พร้อมที่จะเจรจาเมื่อเกิดปัญหาติดขัดใดๆ การบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และแก้ไขปัญหาการบุกรุกในที่ดินราชพัสดุ รวมทั้งการบริหารจัดการงานในภารกิจที่จะสามารถสร้างประโยชน์ในเชิงสังคมด้วย
วันนี้ (6 มกราคม 2564) ณ กรมธนารักษ์ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ และผู้บริหารกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ดำเนินโครงการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคม เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัย และที่ทำกินโดยดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุด้วยการรับรองสิทธิด้วยการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้ด้วย ตลอดจนเปิดตลาดชุมชนในพื้นที่แต่ละจังหวัดไปในคราวเดียวกันผ่านโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” โดยการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ
นายยุทธนา กล่าวต่อว่า สำหรับปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์เร่งรัดดำเนินงานเพื่อจัดเก็บรายได้ตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ และเน้นการบริการจัดการในเชิงสังคมให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ ดังนี้
1. ดำเนินการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุประมาณ 3 หมื่นราย ที่กรมธนารักษ์ดำเนินการจัดให้เช่าแล้วเสร็จเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 มีประมาณเกือบ 10,000 ราย พร้อมแจกสัญญาเช่า ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครราชสีมา และเชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งเมื่อรัฐรับรองสิทธิการใช้ที่ดินของราชการ โดยสร้างประโยชน์ในที่ดินนั้นให้แก่ประชาชนแล้ว ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย ทำการเกษตรกรรม หรือประกอบกิจการต่างๆ ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็จะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย
2. ดำเนินการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุสำหรับหน่วยงานของราชการที่นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์ การเปิดเป็นร้านค้าสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานของราชการ รวมทั้งประชาชนและเอกชนที่นำที่ราชพัสดุซึ่งได้รับการเช่าแล้วนำไปใช้ผิดประเภท เช่น เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแล้วนำไปประกอบกิจการการค้า ซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าที่ราชพัสดุในอัตราที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ทางกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 คาดว่าจะทำให้จัดเก็บค่าเช่าเข้ากรมธนารักษ์ได้มากขึ้น
2.1 เร่งรัดการจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ใช้ประโยชน์อยู่ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 โดยกรมธนารักษ์จะพิจารณาว่ามีสัญญาเช่ากับรัฐวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งมีการเก็บค่าเช่าเท่าไร และการใช้ประโยชน์แบบใด เพื่อนำมาประกอบการเก็บค่าเช่าให้เหมาะสม อนึ่ง กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการร่วมกับรัฐวิสาหกิจในการจัดทำรังวัดพื้นที่แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 โดยจะเริ่มทำสัญญาเก็บค่าเช่าได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เป็นต้นไป
2.2 ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับโอนจากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตามคำสั่งศาล นำมาเปิดประมูลเพื่อให้เอกชน ประชาชนเข้ามาประมูลในระบบออนไลน์โดยร่วมกับ บมจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเปิดประมูลให้กับผู้สนใจได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564
2.3 ดำเนินการเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ พื้นที่จังหวัดตาก หนองคาย และมุกดาหาร เป็นต้น
2.4 การเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี
2.5 การเร่งรัดสัญญาร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา
2.6 การเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อนำมาหารายได้เข้ารัฐ ซึ่งบางพื้นที่เป็นพื้นที่ใจกลางเมือง อาทิ สุขุมวิท สีลม หรือในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เชียงราย เชียงใหม่ และนครสวรรค์ เป็นต้น และมุ่งเน้นการติดตามค่าเช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศไม่ให้คงค้าง เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเข้ารัฐให้เพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นายยุทธนา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากที่กรมธนารักษ์มีนโยบายตั้งเป้าเก็บรายได้เข้ารัฐแล้วยังมีนโยบายในเชิงสังคมเพื่อสนับสนุนให้ประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสังคมโดยรวมมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเน้นสังคมผู้สูงอายุ ดังนี้
- การดำเนินการโครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” บนที่ราชพัสดุ จังหวัดสมุทรปราการ กรมธนารักษ์ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งโครงการดังกล่าว กรมธนารักษ์ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจ ผ่านโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยจะดำเนินการจับสลากบัญชีรายชื่อผู้ได้รับสิทธิและบัญชีรายชื่อสำรอง ในวันที่ 15 มกราคม 2564 ณ กรมธนารักษ์ และจะดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนเมษายน 2564 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2565
- กรมธนารักษ์เตรียมขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของข้าราชการพลเรือนทุกประเภทบนที่ราชพัสดุ ไม่ต่ำกว่า 1 พันยูนิต สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ แปลงพระโขนง และแปลงยานนาวา สำหรับในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย นครนายก อุบลราชธานี อุดรธานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ยะลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นนทบุรี นครราชสีมา และจันทบุรี ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับบุคลากรดังกล่าวด้วย
- ดำเนินการสำรวจบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ของส่วนราชการ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 95 แห่ง ทั่วประเทศ มาทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์โดยอาจให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อทำประโยชน์ ตลอดจนเพื่อการท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ และยังช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยต้นเดือนกุมภาพันธ์จะดำเนินการเปิดประมูลบ้านขุนพิทักษ์บริหาร หรือบ้านเขียว อยุธยา และบ้านพายัพ ซอยสามเสน 5 กรุงเทพมหานคร
- โครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 เบาบางลงแล้ว กรมธนารักษ์จะสานต่อโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฐานรากในชุมชนต่างๆ แข็งแกร่งมากขึ้น โดยการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการจัดหาที่ราชพัสดุให้กับรัฐวิสาหกิจชุมชน และกองทุนหมู่บ้านในชุมชนเช่าเพื่อให้มีพื้นที่ในการสร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน
- เร่งการเปิดพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ ขอนแก่น เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้และการท่องเที่ยว (Land Mark) โดยจะเปิดให้เข้าชมได้ในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นการเผยแพร่ทรัพย์สินมีค่าของรัฐสู่ประชาชนและผู้สนใจ
“ด้วยภารกิจของกรมธนารักษ์ มีเป้าประสงค์ที่จะดูแล บริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และสังคมอย่างเป็นระบบ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด โดยในปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์จะนำที่ราชพัสดุทั้งหมด 12.6 ล้านไร่ ซึ่งอยู่ในการครอบครองดูแลของหน่วยงานราชการต่างๆ และกรมธนารักษ์บริหารจัดการเพียง 4% โดยจะนำที่ราชพัสดุมาบริหารจัดการเองเพิ่มขึ้นเป็น 10% ทำให้กรมธนารักษ์มีรายได้จากค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้นและจะเป็นผลดีที่ทำให้กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้เข้ารัฐได้สูงขึ้นอีกด้วย” อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวในที่สุด