
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาจราจรบนทางพิเศษ ว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้นำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นของสภาพปัญหาการจราจร และแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางพิเศษในภาพรวมทั้งระบบ โดยสภาพปัญหาการจราจรบนทางพิเศษในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 5 ปัญหาหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาด้านความจุของทางพิเศษไม่เพียงพอ 2) ปัญหาจุดตัดกระแสจราจรบริเวณทางร่วมและทางแยก 3) ปัญหาจุดคอขวดทางกายภาพบนทางพิเศษ 4) ปัญหาการไหลเวียนจราจรบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทาง และ 5) ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณทางลงทางพิเศษที่เชื่อมต่อกับถนนพื้นราบ
สำหรับปัญหาด้านความจุของทางพิเศษไม่เพียงพอ ปัญหาจุดตัดกระแสจราจร และจุดคอขวดนั้น มักจะเกิดปัญหาเป็นอย่างมากบนทางพิเศษศรีรัช ช่วงงามวงศ์วาน-พญาไท-อโศก และบริเวณทางแยกต่างระดับพญาไทและทางแยกต่างระดับมักกะสัน รวมทั้งทางพิเศษเฉลิมมหานคร ช่วงดินแดง-ท่าเรือ-บางนา
ส่วนปัญหาการไหลเวียนจราจรบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางจะเกิดขึ้นบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางหลักบนช่วงทางพิเศษ ได้แก่ ด่านเก็บค่าผ่านทางประชาชื่น และด่านเก็บค่าผ่านทางอโศก นอกจากนั้นยังเกิดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณทางลงทางพิเศษซึ่งเชื่อมต่อกับถนนพื้นราบ เช่น ทางลงถนนพระราม 9 ทางลงถนนประชาชื่น และทางลงถนนเกษตร-นวมินทร์ เป็นต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวเพิ่มเติมว่า กทพ. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ประสานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อบรรจุโครงการทางขึ้น-ลงเพิ่มเติมบริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อรองรับการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีแดง รวมทั้งประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในการบริหารจัดการจราจรบริเวณทางลงถนนเพลินจิต เป็นต้น
นอกจากนี้ กทพ. ได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรในเบื้องต้น ดังนี้ การเพิ่มทางลงทางพิเศษศรีรัช ส่วน D เชื่อมถนนพระราม 9 (ขาเข้าเมือง) และการเพิ่มทางลง ทางพิเศษศรีรัช ส่วน D เชื่อมถนนจตุรทิศ (ขาเข้าเมือง) เพื่อลดจุดตัดกระแสจราจรบริเวณทางหลัก , การขยายพื้นผิวจราจรบริเวณคอขวดและการก่อสร้างทางเชื่อม (Bypass) เพิ่มเติมบริเวณทางแยกต่างระดับมักกะสัน เพื่อแก้ปัญหาคอขวดและจุดตัดกระแสจราจรบริเวณทางแยกต่างระดับ
สำหรับในบริเวณที่มีข้อจำกัดไม่สามารถขยายพื้นผิวจราจรได้ อาจจำเป็นต้องก่อสร้างทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 โดยเฉพาะบนทางพิเศษศรีรัช ช่วงงามวงศ์วาน-พญาไท-อโศก รวมถึงก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อแก้ปัญหาความจุของทางพิเศษบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษฉลองรัชทั้งระบบ นอกจากนี้ยังมีการวางแผนสำหรับนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) มาใช้ในการแก้ไขปัญหาจราจร โดยนำข้อมูลปริมาณการจราจร สภาพจราจรและข้อมูลจุดต้นทาง-ปลายทาง (OD) แบบ Real Time มาประกอบการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาจราจร เช่น การเปิด Reversible Lane บนทางพิเศษ เป็นต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวตอนท้ายว่า ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมโดยมอบหมายให้ กทพ. ลงรายละเอียดในการจัดกลุ่มของปัญหาจราจรบนทางพิเศษ และควรแบ่งการดำเนินงานเป็น package โดยให้จัดลำดับความสำคัญประกอบกับการจัดทำแผนการดำเนินงานและแหล่งเงินที่จะนำมาลงทุนให้ชัดเจน ซึ่งการลงทุนต้องเกิดความคุ้มค่าและคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ให้ดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างด้วย และเมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจะต้องมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาการจราจรใหม่เพิ่มเติมขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ กทพ. ดำเนินการศึกษาบริเวณที่มีปัญหาจราจรเพิ่มเติม ประกอบด้วย บริเวณทางลงถนนแจ้งวัฒนะ (เชื่อมต่อศูนย์ราชการฯ) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 (รังสิต-องครักษ์) และให้เร่งดำเนินการศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจรดังกล่าว รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินงานให้ครอบคลุมในทุกมิติ ตลอดจนบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการจราจรให้มีประสิทธิภาพต่อไป