ไม่รู้ว่าคนร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 60 จะรู้สึก รู้สา บ้างหรือไม่?
เพราะรัฐธรรมนูญที่ร่างแล้ววางกับดักไว้เพียบ เพื่อสกัดกั้นคนๆ เดียว (ทักษิณ ชินวัตร) แต่กำลังทำให้คนไทยเดือดร้อนกันทั่วประเทศ เพราะได้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งคนไทยส่วนไม่เชื่อมั่นและศรัทธา
ไม่ต้องพูดถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ใครเข้าจะกล้าขนเงินร้อยล้าน พันล้านบาทเข้ามาลงทุนในยามนี้ เอาแค่กล่อมนักลงทุนรายเก่าๆ ไม่ให้ขยับขยาย หรือย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศก็เหนื่อยแล้ว
เดิมที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนว นส.ส.สนับสนุน 254 เสียง ต่อมานายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่พอใจพรรคใหญ่แกนนำรัฐบาลที่ไม่เห็นหัวพรรคเล็กๆ จึงประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ จะเหลือ 253 ถ้าตัดประธานสภาฯออกไป ที่ต้องงดออกเสียงก็จะเหลือ 252 เสียง
โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายรัฐบาลโหวตแพ้ฝ่ายค้านในสภาฯ มาแล้ว 2 ครั้ง..
ลองนึกภาพกันเอาเองว่า ถ้ามีประชุมสภาฯ นัดสำคัญๆ เช่น การอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะลากิจ ลาป่วย ไม่มาประชุม หรือจะไปฉี่ ไปอึ ไปทำธุระนอกสภาฯ ได้มั๊ยเนี่ย?
เมื่อ 2 วันก่อน นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ก็ตีจากขอไปเป็นฝ่ายค้านอิสระอีก 1 คน
เนื่องจากไม่พอใจที่ถูก “ผู้กองนัส” ร.อ.มนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เปรียบเทียบเป็นเหมือน “ลิงกินกล้วย” ทำให้เสียงรัฐบาลเหลือ 251 เสียง
ตามมาด้วยกรณีของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ คงไม่แคล้วต้องติดคุก 4 ปี ไปกับกลุ่ม นปช. คดีบุกโรงแรมล้มการประชุมอาเซียนฯที่พัทยาเมื่อปี 53
จึงต้องมีการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.กำแพงเพชร ซึ่งไม่มีใครทราบว่าพรรคพลังประชารัฐ จะได้ ส.ส.เข้ามาหรือไม่ เท่ากับว่ารัฐบาลจะเหลือ 250 เสียง
เรียกว่าจำนวนเสียงของรัฐบาล ปริ่มน้ำลงไปเรื่อยๆ เวลามีประชุมสภาฯ นัดสำคัญต้องจ่าย “กล้วย” กันหนักกว่าเก่า!
โดยเฉพาะบรรดาฝ่ายค้านอิสระ คงจะบริโภค “กล้วย” จุกว่าเดิมเป็น 2 เท่า
นอกจากปัญหาเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำแล้ว ยังเจอกับปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาอย่างหนักทุกภาคส่วน ทำให้ผู้คนเครียดฆ่าตัวตายเกือบทุบวัน เนื่องจากเศรษฐกิจซึมยาวมา 5 ปี สินค้าเกษตรมีราคาตกต่ำ ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีกำลังซื้อ
แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1-2 จะอัดฉีดเม็ดเงินผ่านโครงการต่างๆ มากมาย รวมทั้งการแจกเงินผ่านบัตรคนจน 14.5 ล้านคน มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ยิ่งแจก คนกลับยิ่งจน
แถมจะแยกเงินอีกคนละ 1 พันบาท ให้ไปท่องเที่ยวใช้จ่ายในเมืองรอง แล้วจะไปเที่ยวกันได้อย่างไรเพราะตอนนี้เมืองรองหลายจังหวัดถูกน้ำท่วม
ก่อนหน้านี้หลายสิบจังหวัดภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ประสบปัญหาภัยแล้ง มาจนเกือบถึงปลายเดือนส.ค.62 แต่พอวันที่ 30 ส.ค. และต้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีพายุเข้า 2 ลูกซ้อนๆ พลิกสภาพจากภัยแล้ง เป็นน้ำท่วมแบบฉับพลัน
“เสือออนไลน์” เปิดดูข้อมูลปริมาณน้ำในเขื่อนหลักๆ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 62 เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีน้ำ 41% ของความจุเขื่อนเท่านั้น เขื่อนสิริกิตติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีน้ำ 56 % ของความจุ เขื่อนแควน้อยฯ จ.พิษณุโลก มีน้ำ 49 % ของความจุ เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีน้ำ 60% ของความจุ
เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีน้ำ 78% ของความจุ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีน้ำ 26% ของความจุ เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ มีน้ำ 30% ของความจุ เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีน้ำ 51 % ของความจุ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีน้ำ 66% ของความจุ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลฯ มีน้ำ 94% ของความจุ
เขื่อนป่าสักฯ จ.ลพบุรี มีน้ำ 32% ของความจุ เขื่อนขุนด่านฯ จ.นครนายก มีน้ำ 66% ของความจุ เขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา มีน้ำ 14% ของความจุ เขื่อนประแสร์ จ.ระยอง มีน้ำ 42 % ของความจุ
สรุปในภาพรวมปัจจุบันเข้ามากลางเดือน ก.ย.แล้ว ขณะที่ฝนในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน จะเริ่มลดลง แต่น้ำในเขื่อนที่มีอยู่ขณะนี้ถือว่าน้อย
ต่อจากนี้ไปจนถึงต้นเดือน ต.ค. ถ้าไม่มีพายุเข้ามาอีก 1 ลูก ปีหน้าคงเดือดร้อนกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ไม่ต้องพูดถึงน้ำเพื่อการเกษตร แต่น้ำกิน น้ำอาบ-ซักเสื้อผ้า คงเดือดร้อนกันมากกว่าปีนี้
นอกจากเรื่องรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ และปัญหาเศรษฐกิจ ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกลุ้มใจเพราะ “ขาใหญ่” ในรัฐบาล หรือ “คนเลี้ยงลิง” อย่าง “ผู้กองนัส” กำลังถูกขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีต ที่สื่อมวลชนต่างประเทศออกมาแฉว่า ผู้กองนัสเข้าไปพัวพันกับการค้ายาเสพติด จนถูกจำคุก 4 ปี ในประเทศออสเตรเลีย
ไม่กระเทือนเฉพาะ “ผู้กองนัส” แต่กระเทือนไปถึงรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าข้อมูลเป็นจริงตามที่สื่อมวลชนออสเตรเลีย กำลังแฉและค่อยๆ เผยรายละเอียดของคดีออกมาทีละนิดๆ
เชื่อว่างานนี้ คงมีแรงสั่นสะเทือนระดับ 7 ริกเตอร์...คุณตรวจสอบคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีกันอย่างไรหว่า!!
เสือออนไลน์