พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหาร แล้วบริหารประเทศมา 5 ปี จัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีแบบขาดดุลทุกปี จึงสร้างหนี้ไว้ 2.09 ล้านล้านบาท (ปี 58-62) และปี 63 จะขาดดุลงบประมาณอีกไม่ต่ำกว่า 4.5 แสนล้านบาท
เป็นหนี้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ หันมาดูสภาพเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชน ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ส่ายหัว ต้องฆ่าตัวตายหนีภาระหนี้สิน และเครียดเรื่องการทำมาหากินกันแบบรายวัน
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.62 มีพนักงานกว่า 200 คน ของโรงงานผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ทำจากโลหะใน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ออกมาประท้วงเนื่องจากโรงงานไม่จ่ายค่าแรงมาแล้ว 2 เดือนครึ่ง จึงเดือดร้อนกันเป็นแถว เพราะทุกคนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าเช่าห้องพัก ลูกต้องเรียนหนังสือ บางคนต้องส่งเงินให้พ่อแม่
แต่เงินเดือนไม่ออก เพราะโรงงานให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจไม่ดี ขายของไม่ได้ พวกเขาเหล่านี้จึงต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบ และเครียดจนต้องฆ่าตัวตายไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แถมไม่มีเงินจัดงานศพ เพื่อนๆ คนงานต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินเพื่อจัดงานศพให้ ฟังแล้วรู้สึกหดหู่ใจ..
เมื่อ 3 วันก่อน นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประไทย หรือ แบงค์ชาติ ออกมาส่งสัญญาณว่า คนไทยวันนี้กำลังเป็นทุกข์ในโลก เพราะมีสภาพหนี้ที่นับวันจะเพิ่มพูนจนเกินความสามารถที่จะรับได้ ในลักษณะที่เข้าข่าย “หนี้ท่วมหัว” ดูจากสถิติหนี้ครัวเรือน 3-4 ไตรมาสที่เพิ่มต่อเนื่องมาถึงระดับ 78.7 % ของจีดีพี (ผลผลิตมวลรวมของประเทศ)
ถ้าผนวกหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กับหนี้นอกระบบด้วย หนี้ครัวเรือนรวมเบ็ดเสร็จจะสูงถึง 130-140 % หมายความว่า “รายได้เดือนละ 100 บาท แต่เป็นหนี้ 130-140 บาท ชักหน้าไม่ถึงหลัง”..
โดยเหตุผลง่ายๆ คือ..”รายได้ของชาวบ้านทุกวัน เพิ่มไม่ทันการเพิ่มของหนี้ส่วนบุคคล หนี้ผ่อนบ้าน หนี้เพื่อธุรกิจ หนี้ยานยนต์ และหนี้บัตรเครดิต”
จึงเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะสถาบันการเงินอาจล้มได้ ถ้าเมื่อใดหนี้ครัวเรือนพุ่งถึง 84% ของจีดีพี เมื่อนั้นมีโอกาสที่จะเกิดปรากฎการณ์ชาวบ้านหยุดชำระหนี้
ไม่ใช่เพราะเบี้ยว แต่สิ้นเนื้อประดาตัวกันถ้วนหน้า โดยหนี้ครัวเรือน 78.7% ต่อจีดีพีของไทยวันนี้ ถือว่า “เข้าเขตอันตรายแล้ว”
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ ออกมาส่งสัญญาณเตือนปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงปรี๊ด!
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับไปคุ้ยฟุ้งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า พัฒนาการในประเทศไทย ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางรากฐานด้านต่างๆ และยังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง และการเอารัดเอาเปรียบในสังคม
ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลปรับปรุงกฎระเบียบ และวิธีทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนเพิ่มขึ้น ด้านสังคม รัฐบาลประกาศให้การต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ และได้กำกับดูแลการจัดการปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
ส่วนทางด้านการเมือง ปฏิบัติตามโรดแม็ปอย่างครบถ้วน ต่อจากนี้ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ โดยมีเป้าหมายคือ จะทำให้ไทยเป็นประเทศรายได้สูง ภายในปี 2579 มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีพัฒนาการทางสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมในสิทธิพื้นฐาน เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ตลอดจน เพิ่มพูนบทบาทเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนกับนานาประเทศ โดยมีอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นจุดตั้งต้น
พูดชัดๆ ว่า “อีก 17 ปี ไทยจะเป็นประเทศที่มีรายได้สูง” ..สูงขนาดไหน รายได้ต่อหัวประชากร และต่อปี เป็นเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้บอกไว้
แต่ที่อ้างไว้อีก 17 ปีข้างหน้า คงคิดว่าแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ผลักดันไว้ น่าจะออกผลต่อเรื่องปากท้องของประชาชน
แต่เท่าที่ “เสือออนไลน์” ได้ยินได้ฟังความเห็นของผู้คนรอบข้าง และในสังคมออนไลน์ ให้ความเห็นกันไว้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน! ว่าถ้าขืนรออีก 17 ปี คนไทยคงตายก่อน ตายก่อนมีรายได้สูงๆ หรือตายก่อนรวย อะไรประมาณนั้น.
โดย..เสือออนไลน์