เรียกได้ว่า เป็นยุคทองของทุนใหญ่กินรวบผูกขาดไปในหลายภาคส่วนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกิจการขนส่งมวลชน พลังงาน ค้าปลีก-ค้าส่ง มือถือ แล้วกำลังลามมายังวงการ “หมู”
จะว่าไปแล้วการกินรวบผูกขาดในวงการหมู ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเราทราบๆกันดีว่าในวงการหมูมี “ขาใหญ่” อยู่ประมาณ 4-5 ราย ที่มีอิทธิพลกับวงการหมูในประเทศ เนื่องจากเป็นผู้กำกับตั้งแต่เรื่องลูกหมู อาหารสัตว์ และวัคซีน แต่จะเข้าไปกำกับสั่งการให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องทำโน่น ทำนี่ตามใจฉัน ด้วยหรือเปล่าไม่ทราบ!
แม้บรรดาขาใหญ่จะครอบวงการหมูในประเทศได้มากพอสมควร แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากยังมีผู้เลี้ยงหมูรายย่อย และรายเล็กทั่วประเทศ รวมกันประมาณ 190,000 ราย คอยเป็นก้างขวางคอ ไม่ให้บรรดาขาใหญ่จับมือกันกำหนดราคาหมูเป็นๆ หน้าฟาร์มได้ตามอำเภอใจ
แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงหมูรายย่อย รายเล็ก ต้องล้มหายตายจากกันไปเยอะ ด้วยโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ระบาดหนัก ทำให้หมูตายเป็นจำนวนมาก และกลับมาเลี้ยงใหม่ไม่ได้ เพราะไม่มี “วัคซีน” ขณะที่เชื้อโรคจะปนเปื้อนอยู่ในเล้า ในดิน เป็นเวลา 6 เดือน - 1 ปี ขณะที่รัฐบาลไม่มีนโยบายให้นำเข้าหมูจากต่างประเทศแค่ช่วงเวลาหนึ่งตามที่หลายฝ่ายร้องขอ แต่เสียงไม่ดัง และไม่มีน้ำหนักเท่ากับเครือข่ายของบรรดาขาใหญ่ที่แฝงตัวอยู่ในสมาคมผู้เลี้ยงสุกร และตามหน่วยงานรัฐต่างๆ
งานนี้จึงเข้าทางบรรดาขาใหญ่ เป็นผู้ควบคุมราคาหมูอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือดันราคาหมูเป็นๆ ขึ้นไปสูงในช่วงต้นปี 64 กก.ละกว่า 80 บาท แล้วลากราคาลงมาต่ำๆที่ประมาณ 65-70 บาท/กก. ในช่วงกลางปี 64 เพื่อเก็บเนื้อหมูให้เต็มห้องเย็น ก่อนจะลากราคาหมูเป็นๆ ทะยานขึ้นมาในช่วงปลายปี 64 “วันพระ” 1-2 บาท/กก. โดยเฉพาะเดือน ธ.ค.64 ดันราคากันวันพระละ 2-4 บาท/กก.
ถ้าราคาหมูเป็นๆ หน้าฟาร์มปรับขึ้น กก.ละ 4 บาท นั่นหมายถึงเนื้อหมูชำแหละจะปรับขึ้น กก.ละ 8 บาท เรียกว่าคูณด้วย 2 กันเลยทีเดียว ซึ่งงวดที่แล้วเดือน ม.ค.65 ราคาหมูเป็นๆ ขึ้นไปยืนอยู่ที่กก.ละ 114 บาท (หมูชำแหละ กก.ละ 228)
ดังนั้น กว่าเนื้อหมูชำแหละจะผ่านเขียงหมู และพ่อค้าคนกลาง ไปถึงประชาชน จึงต้องซื้อหมูแพงไม่ต่ำกว่า กก.ละ 250 บาท
เจ้าของฟาร์มหมูขนาดกลางแถวๆ จ.นครปฐม บอกกับ “เสือออนไลน์” ว่า ช่วงที่ราคาหมูขึ้นไปสูงๆ เราจะเห็นที่โน่นที่นี่นำหมูมาขายในราคาถูกกว่าทั่วไป กก.ละ 40-50 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นหมูป่วยใกล้ตาย เจ้าของฟาร์มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจับเข้าโรงเชือดก่อน
ส่วนอีกแหล่งคือ เป็นหมูแม่พันธุ์ที่ฟาร์มต่างๆ เลิกใช้หมูตัวนี้เป็นแม่พันธุ์แล้ว จึงจับเข้าโรงเชือดออกมาขายเป็นหมูชำแหละราคาถูก แต่จะมีปัญหาเวลาผู้บริโภคซื้อไปทำอาหารแล้วจะมีกลิ่นตุๆ ไม่ว่าทำเป็นเมนูอะไรก็มีกลิ่นตุๆ นี่คือหมูชำแหละจากแม่พันธุ์ที่หมดอายุแล้ว
หลังจากเดือน ม.ค.65 ราคาหมูเป็นๆ พุ่งกระฉูดขึ้นไปถึง กก.ละ 114 บาท แล้วค่อยๆ หล่นลงมา หลังจากหน่วยงานรัฐระดมตรวจค้นห้องเย็นทั่วประเทศ เจอสต็อกหมูกว่า 1 ล้าน กก. ทำให้ราคาหมูเป็นๆ ค่อยๆ ไหลลงมาอยู่ที่ประมาณ 80 บาท/กก.
แต่เมื่อหมูในสต็อกห้องเย็นหมดเกลี้ยงแล้ว! ต้นเดือน มี.ค.65 บรรดาขาใหญ่ในวงการหมูจึงสุมหัวกันขึ้นราคาหมูเป็น “วันพระ” ละ 2-4 บาท เพราะบรรดาขาใหญ่จับเข่าคุยกันทุกวัน และรู้ว่ารายย่อย รายเล็กไม่มีหมูเป็นอยู่ในฟาร์ม หรืออาจมีบ้าง แต่ไม่มีพลังต้านทานมากพอ เพราะรายย่อยรายเล็กที่ล้มหายตายจากไป เพิ่งกลับมาปล่อยลูกหมูเลี้ยงใหม่กันแค่ 20% เท่านั้น เฉพาะพวกที่กล้าเสี่ยง และพอมีทุนจริงๆ รวมทั้งคนที่พอจะหาวัคซีน และหาลูกหมูได้ แต่กว่าจะเลี้ยงจนโตจับขายได้ต้องใช้เวลาอีก 4-5 เดือน
วันนี้ตลาดหมูอยู่ในกำมือบรรดาขาใหญ่ เป็นผู้กำหนดที่ราคาหน้าฟาร์มหมูเป็นๆ กก.ละ 96-98 บาท แต่ขาใหญ่ไม่ได้ปล่อยหมูเป็นๆออกมามาก แต่จะค่อยๆ ปล่อย ใครอยากได้หมูต้องจ่ายใต้โต๊ะ ดันราคากันไป 102 บาท/กก.
ใครซื้อหมูเป็นๆ ราคาแพงไปเชือด ชำแหละขาย ก็เลือดโชกกันอยู่ดี เนื่องจากราคาเนื้อหมูชำแหละในห้างสรรพสินค้าเขาขายในราคาถูกกว่าหมูตามท้องตลาด
นี่คือการควบคุมกลไกตลาดหมูอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และแว่วๆ บรรดาขาใหญ่คุยกันแล้วว่าช่วง 2 วันพระต่อจากนี้ จะดันราคาหมูเป็นๆ ขึ้นไปอีก กก.ละ 8 บาท
สรุปคือจะดันราคาหมูเป็นๆ ให้ขึ้นไปใกล้เคียงกับรอบที่แล้ว 114 บาท/กก. ต้องมีเม็ดเงินสะพัดผ่านมือบรรดาขาใหญ่อีกนับหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน
ทำไมบรรดาขาใหญ่จึงรวมหัวกันขึ้นราคาหมูได้ตามใจฉัน เพราะ..
1. ไม่มีผู้เลี้ยงหมูราย่อย รายเล็ก มาคานอำนาจ
2. ไม่มีวัคซีนป้องกันโรค ASF (วัคซีนอาจจะมีเฉพาะลูกฟาร์มของขาใหญ่)
3. รัฐบาลเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องให้นำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อมาคานอำนาจกับบรรดาขาใหญ่วงการหมู
และ 4. เจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดกวดขัน สอดส่องดูแลการลักลอบนำเข้าหมูเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่รู้ว่าทำงานกันตามปกติ หรือว่าบรรดาขาใหญ่แจก “กล้วย” ให้กินกันอย่างอิ่มหมีพีมัน จึงขยันในการสอดส่องดูแลตามแนวชายแดน และตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์กันเป็นพิเศษ เพราะเกรงว่าจะมีเนื้อหมูจากต่างประเทศ เล็ดลอดเข้ามาทำให้บรรดาขาใหญ่เสียอารมณ์หรือเปล่า?
เสือออนไลน์