การเมืองยามนี้...อะไรที่ “มีเปรียบ” เหนือคู่แข่งทางการเมือง ก็ต้องทำกันทุกวิถีทาง แม้จะไม่สง่างามก็ตามที กับการผ่านงบผูกพัน หรืองบหัวเชื้อ...ที่จะผูกโยงข้ามปีและข้ามหัวรัฐบาลชุดใหม่ ของรัฐบาลเก่า...ก็ไม่น่าแปลกใจกับการจะดึงเอา 2 พรรคใหญ่ เก็บไว้สู้แผนแลนด์สไลด์ในวันหน้า
สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยยามนี้ คนการเมือง...คงไม่จำเป็นต้องทำหน้าบาง หรือจำต้องสร้างและรักษาจรรยาบรรณในทางการเมืองกันอีกต่อไป
แถมใกล้เข้าโหมดความเป็น “ยาหมดอายุ” ไปทุกวัน แต่ “รัฐบาลลุงตู่” ยังคิดจะปูทางสร้างพันธมิตร...รับศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เพลาข้างหน้า
พฤติการณ์...การเทกระจาดงบประมาณแผ่นดิน ในส่วนที่นักข่าวประจานว่าเป็น “งบหัวเชื้อ” หรือ “งบผูกพัน” ข้ามทั้งปีงบประมาณ และข้ามหัวรัฐบาลชุดต่อไปในคราวเดียวกันนั้น
หากมองเผินๆ ก็คงไม่กระไร? แต่หากดู “ไส้ใน” ของเรื่องที่นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา
โอ้โฮ...ทำกันไปได้!!!
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ออกมาเปิดในเรื่องนี้ อ้างถึงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโครงการขนาดใหญ่ ที่มีวงเงินเกินกว่า 1 พันล้านบาท ในปีงบประมาณ 2567 ของ 14 กระทรวง 25 หน่วยงาน รับงบประมาณ วงเงินรวม 3.6 แสนล้านบาทเศษ โดยไม่เกินสัดส่วน 20% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2567 จำนวน 3.35 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ครม.มอบหมายให้สำนักงบประมาณไปหารือกับหน่วยงานรับงบประมาณในการจัดทำรายละเอียดขอจัดสรรงบประมาณในปี 2567 ตาม พ.ร.บ.งบประมาณเพื่อใช้เป็นกรอบรายจ่ายส่วนหนึ่งของการจัดทำงบประมาณปี 2567 ที่อยู่ระหว่างการจัดทำงบประมาณต่อไป
สำหรับวงเงินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณในปี 2567 ที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างมาพอสังเขป คือ...
กระทรวงมหาดไทย เสนอขอผูกพันงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 7 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 15,486.84 ล้านบาท ได้แก่
• โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ระยะที่ 2 จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 3,344.37 ล้านบาท
• โครงการของการประปาส่วนภูมิภาค 4 โครงการ วงเงิน 7,587.47 ล้านบาท
• โครงการของ กทม. 2 โครงการ วงเงิน 4,555 ล้านบาท
สำนักนายกรัฐมนตรี เสนอขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ วงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป “การจัดหาเครื่องบิน รับ-ส่ง บุคคลสำคัญ ทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 19 จำนวน 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็น”
กระทรวงการคลัง ขออนุมัติให้กรมธนารักษ์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ พื้นที่โซน C เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารให้กับ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) พื้นที่ทั้งหมด 510,000 ตารางเมตร เป็นเวลา 30 ปี ในอัตราค่าเช่า 390 บาท/ตารางเมตร/เดือน หรือปีละ 2,386.8 ล้านบาท และปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้น 7% ต่อปี ของค่าเช่าเดิมทุก 3 ปี รวม 30 ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 98,931.29 ล้านบาท แทนส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีสิทธิขอใช้งบประมาณ ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ และเป็นผู้ทำนิติกรรมใดๆ เกี่ยวกับการเช่าพื้นที่ในโครงการแทนทุกหน่วนงานในโครงการ
องค์กรอิสระ และองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญ เสนอขอผูกพันงบประมาณในปีงบประมาณ 2567 วงเงินรวม 66,692.55 ล้านบาท ได้แก่
• สถาบันพระปกเกล้า เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 670.58 ล้านบาท
• สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เสนอคำขอตั้งงบปี 2567 วงเงิน 2,671.70 ล้านบาท
• สำนักงานศาลปกครอง เสนอคำขอตั้งงบปี 2567วงเงิน 3,561.88 ล้านบาท
• สำนักงานศาลยุติธรรม เสนอคำขอตั้งงบปี 2567 วงเงิน 35,249.34 ล้านบาท
• สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เสนอคำขอตั้งงบปี 2567 วงเงิน 448.57 ล้านบาท
• สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เสนอคำขอตั้งงบปี 2567 วงเงิน 3,864.80 ล้านบาท
• สำนักงานอัยการสูงสุด เสนอคำขอตั้งงบปี 2567 วงเงิน 20,225.68 ล้านบาท
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเล (ศรชล.) เสนอ ขอก่อหนี้ผูกพัน ข้ามปีงบประมาณเริ่มใหม่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวน 1 โครงการ โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 3 ลำระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (พ.ศ. 2567 - 2571] วงเงิน 4,500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการด้านสื่อสารและสารสนเทศ จำนวน โครงการ (เช่น โครงการจัดหาฐานข้อมูลสำหรับระบบวิเคราะห์ข้อมูลเรือ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเรือประมงและเรือสินค้า)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เสนอการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบด้วย
• โครงการอาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล วงเงิน 2,338.26 ล้านบาท
• โครงการอุทยานการแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วงเงิน 8,863.93 ล้านบาท
• โครงการผลิตภัณฑ์นักฉุกเฉินการแพทย์ด้วยการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา ระยะที่ 1 วงเงิน 2,980 ล้านบาท
• โครงการพัฒนาและผลิตยา เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างความมั่นคงทางยาของประเทศ วงเงิน 6,709.78 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุข เสนอขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ในโครงการศูนย์การแพทย์เพื่อตอบโต้โรคอุบัติใหม่แห่งชาติบำราศนราดูร วงเงิน 2,229.84 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 473.11 ล้านบาท
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เสนอแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปี 2567 วงเงิน 7,985.78 ล้านบาท โดยมีแผนงานเพื่อเน้นการแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำการศึกษา เป็นต้น
หลายโครงการที่ยกมาพูดถึงนี้...ล้วนเกี่ยวพันกับ 3 เครือข่ายหลักในทางการเมือง
1. กลุ่มเครือข่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสายงานของสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็หนีไม่พ้น...พรรครวมไทยสร้างชาติ
2. กระทรวงในความดูแลของพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข
3. กระทรวงในความดูแลของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็น...กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือกระทรวงพาณิชย์
ทั้ง 3 กลุ่มล้วนได้ประโยชน์จากโครงการอันเป็นงบประมาณผูกพันในรอบนี้กันถ้วนหน้า
“หมาแก่” อย่าง...นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ พูดในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ก่อนหน้าการประชุม ครม. วันดังกล่าว (24 ม.ค.) เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำนองว่า...การที่ ครม.พิจารณาเห็นชอบผ่านงบประมาณผูกพัน หรือ “งบหัวเชื้อ” ที่ว่านี้...ก็ไม่ต่างจากการ “ซื้อใจ” หวังจะผูกมัดใจพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง...พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์
สิ่งที่ “หมาแก่” พูด...ก็ไม่ผิด!
ฟาก “นายกฯ ลุงตู่” ที่ทำไปนั้น... อาจจะผิดในความรู้สึกของสังคมไทย และผิดต่อจรรยาบรรณในทางการเมือง เพราะรัฐบาลเอง...ก็มีแผนและเตรียมจะยุบสภาในอีกไม่ช้านานอยู่แล้ว แต่กับความเป็น “เดิมพัน” ที่จำต้องเก็บไว้ชนกับยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์...ไล่ 3 ลุง” แล้ว
สิ่งที่ทำลงไป...ก็ถูก! อย่างน้อย...ก็ถูกใจพรรคร่วมรัฐบาล นั่นแหล่ะ
เพราะความเป็น “งบหัวเชื้อ” มันย่อมทำให้น้ำหนักการเคาะกะลาไปยังกลุ่มทุนที่หวังเอี่ยวกับโครงการต่างๆ มีสูงขึ้น ถึงยังไง...ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลสมัยหน้า ก็คงต้องเดินตามก้นกันไป
ยิ่งหากเป็นรัฐบาลเครือข่ายเก่าๆ ด้วยแล้ว การันตีความผิดหวัง...ว่าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
กลับกัน...หากเป็นรัฐบาลอีกฟากฝั่ง การจะพลิกลิ้น...กลับด้าน กลางวง ครม. ล้มโครงการเหล่านี้...ถึงทำได้ แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ ตีขนดหาง! กันท่าเอาไว้แล้ว...รัฐบาล (ใหม่) ที่ไม่ทำตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี อาจถึงขั้น...สิ้นสภาพในความเป็นรัฐบาลได้เลย!!!
แล้วหากย้อนไปดูการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ ของ “รมต.สำนักนายกฯ” นายธนกร วังบุญคงชนะ ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าว ก่อนเข้าประชุม ครม. เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2566 ว่า การที่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจยุบสภาฯ หรือไม่? เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่เชื่อว่าการยุบสภาฯ จะต้องเกิดขึ้นหลังการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน
ซึ่งก็สอดรับกับการผ่านงบประมาณผูกพันที่ผูกโยง กับ...พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ นั่นเอง
ถึงนาทีนี้ สิ่งที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เรียกว่าเป็น...อาการหน้าไม่บาง หรือไม่จำเป็นต้องรักษาจรรยาบรรณในทางการเมือง ก็คงไม่ผิดแผกอะไรเช่นกัน
ในทางการเมืองแล้ว.. อะไรที่ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง (กู) ขอทำก่อน!!!