*บทสะท้อนรัฐบาล “เพื่อไทย” หรือ “เพื่อใคร?”... โผล่หางกันออกมาแล้ว.....“
…
กับเรื่องที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม ที่เคยตีปี๊บแจ้งข่าวดีให้ประชาชนผู้ใช้ทางด่วนทั้งหลายได้ดีใจหายก่อนหน้าว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กำลังพิจารณาปรับลดค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ ขั้นที่ 2 (สำหรับบางด่าน) ตั้งแต่ 25-50 บาท
ทำเอาใครต่อใครตีปี๊บขานรับข่าวดีที่ว่ากันเป็นทิวแถว!
ล่าสุด! นายประสงค์ สีสุกใส ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษฯ (สร.กทพ.) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลอันน่าตกใจที่ทำเอาสหภาพและพนักงาน กทพ. ได้แต่ “อึ้งกิมกี่” หลังได้รับฟังคำชี้แจงจากฝ่ายบริหาร กทพ. ต่อการปรับลดค่าผ่านทางด่วนที่ว่านี้
แลกกับการก่อสร้างทางพิเศษยกระดับ Double Deck จากทางด่วนขั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน - พระราม 9 ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนราว 34,000-35,000 ล้านบาทนั้น
นอกจาก กทพ. จะต้องขยายสัญญาสัมปทานให้แก่บริษัทออกไป 22 ปี 5 เดือน จากที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2578 ออกไปเป็นสิ้นสุดในปี 2601 แล้ว ยังจะต้องปรับลดส่วนแบ่งรายได้จากค่าผ่านทางให้เอกชน คือ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้าจำกัด (มหาชน) หรือ BEM จากเดิมที่กำหนดส่วนแบ่งรายได้ระหว่าง กทพ. กับ BEM 60-40 เป็น 50-50
เนื่องจากเอกชนอ้างว่า การยกเลิกด่านเก็บค่าผ่านทาง 2 แห่ง ที่ด่านอโศก 3 ฝั่งขาออก มุ่งหน้าศรีนครินทร์ และด่านประชาชื่นขาออกมุ่งหน้าแจ้งวัฒนะนั้น ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาทต่อปี กทพ. จึงต้องชดเชยรายได้ส่วนที่หายไป
เป็นไงครับ ข่าวดีของกระทรวงคมนาคมที่ว่าไหงกลับมาลงเอยเอาที่ขยายสัญญาสัมปทานไปตั้ง 22 ปี แถมยังต้องปรับลดส่วนแบ่งรายได้ซ้ำซ้อนให้เขาอีก แค่ผุดโครงการงี่เง่าซังกระบ๊วยให้เอกชนควักเงินลงทุน 34,000-35,000 ล้านบาท แต่ได้รับการขยายสัญญาสัมปทานหลักออกไปถึง 22 ปีเศษ (ไม่รวมส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องปรับให้เอกชนเพิ่มอีก) หากคำนวณว่าเม็ดเงินจากการขยายสัญญาที่ว่าแต่ละปีไม่มากไม่มายเอาแค่ปีละ 15,000 ล้าน
22 ปีก็ฟันรายได้เข้าพกเข้าห่อไปกว่า 330,000 ล้านบาทแล้ว (ก็ขนาดยกเลิกเก็บค่าผ่านทาง 2 ด่าน บริษัทยังอ้างขาดรายได้ปีละกว่า 1,200 - 1,300 ล้าน นี่จ้องต่อขยายสัมปทานทั้งโครงการไปตั้ง 22 ปี มันต้องเป็น 10,000 ล้านขึ้นไปอยู่แล้ว)
เรื่องอัปยศแบบนี้ ไม่เรียกว่ายิ่งกว่า “ปล้นสะดม” ผลประโยชน์ของประเทศชาติ แล้วจะให้เรียกว่าอะไรท่านผู้ว่า กทพ. ที่เคารพ!
การที่ กทพ. และคมนาคม อุตริไปสร้างเงื่อนไขก่อสร้างทางยกระดับ Double Deck ขึ้นมาเพื่อประเคนไปให้บริษัทเอกชนดำเนินการแลกกับการต่อสัญญาที่ว่านั้น
พวกท่านไม่มีอะไรจะทำกันหรือ วัน ๆ จึงคิดแต่เรื่องฉาวโฉ่กันแบบนี้ ประชาชนคนไทยวันนี้ยังถูกโขกสับค่าบริการขนส่ง ค่าเดินทางกันหูดับตับไหม้ไม่พอกันหรืออย่างไร ถึงคิดแต่จะประเคนต่อขยายสัมปทานกันไม่รู้จักจบสิ้นกันแบบนี้
เห็นพฤติการณ์ที่ฝ่ายบริหาร กทพ. กำลังสุมหัวกับกระทรวงคมนาคมตั้งแท่นจะต่อสัมปทานให้เอกชนรายนี้แล้ว ก็ให้อดนึกไปถึงโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลัง ”ตั้งแท่น” จะประคนสัญญาสัมปทานไปให้ปแก่บริษัทเอกชนรายเดียวกันนี้
หลังจาก รฟม. จัดมหกรรม “ปาหี่” จัดประมูลแบบที่ประชาชนคนไทยเราไม่เคยเห็นในสามโลกแล้ว สุดท้ายศาลปกครองสูงสุดเพิ่งจะเคลียร์หน้าเสื่อ มีคำพิพากษาว่าการดำเนินการของคณะกรรมการประกวดราคา และ รฟม. ขั้นตอนประมูลทุกอย่างถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการเอื้อประโยชน์ หรือกีดกันการประมูลใด ๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่ นายสุริยะ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เคยร่วมอภิปรายถลกหนังหัวขบวนการฮั้วประมูลโครงการนี้มาอย่างเผ็ดร้อน และยังร่วมกับ 6 พรรคฝ่ายค้านยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เข้ามาสอบขบวนการฮั้วประมูล และปมส่วนต่างราคาประมูลกว่า 68,000 ล้าน เมื่อปลายปี 2565 ก่อนที่จะจับพลัดจับผลูพลิกขั้วเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสียเองนั้น
วันนี้กลับตาลปัตรจากที่เคยลั่นจะ “ยกเลิก” การประมูล และ “ล้างไพ่” เพื่อประมูลใหม่หนีข้อครหาที่มีการกล่าวกันว่า “เงินทอน” กว่า 30,000 ล้านบาท ที่สังคมเคยจับตากันอย่างไม่กะพริบนั้น วันนี้กลับเปลี่ยนท่าที เปลี่ยนขั้วและเปลี่ยนจุดยืนหันมากระเตงผลประกวดราคาที่เขาตั้งแท่นกันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมจะกระเตงฝ่า ครม. เพื่อจะได้เร่งรัดลงนามในสัญญา
ด้วยข้ออ้างในเมื่อศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแล้วว่า กระบวนการประมูลทุกอย่างถูกต้องชอบธรรม ก็ไม่มีเหตุที่กระทรวงคมนาคมจะดึงดันไม่เห็นชอบด้วย ทั้งที่ปมส่วนต่างราคากว่า 68,000 ล้านบาทที่ว่านั้น สังคมยังคงไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากผู้เกี่ยวข้อง
นอกจากเหตุผลสุดคลาสสิกที่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่า..... “ไม่อาจจะนำมาเปรียบเทียบกันได้”
“แก่ง หินเพิง” คงได้แต่สะท้อนข้อมูลทั้งหมดนี้ไปยังท่านนายกฯ เศรษฐา (ที่เขาว่าเราจะเป็นเศรษฐี) และ “นายใหญ่” ที่กำลังเดินสายปลุกเครดิตความน่าเชื่อถือของพรรคอยู่ จะได้รับรู้เสียงสะท้อนของสังคมที่กำลังจับตาดูโครงการนี้
หากท้ายที่สุดแล้วกระทรวงคมนาคมดั้นเมฆประเคนสัมปทานโครงการนี้ให้แก่กลุ่มทุนการเมืองรายนี้ไปสมใจอยาก พวกท่านเชื่อหรือว่า มันจะจบอยู่แค่ตรงนั้น ก็ในเมื่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ตลอดจนสัมปทานทางด่วนทั้งหลายแหล่ที่กลุ่มทุนรายเดียวกันดำเนินการอยู่นั้น
ล้วนแล้วแต่มีการเล่นแร่แปรธาตุจนนำมาซึ่งการต่อขยายสัญญาสัมปทานกันออกไปไม่จบสิ้น แทบจะกลายเป็นสัมปทาน 7 ชั่วโคตรกันไปแล้วเวลานี้ อย่างล่าสุดที่ กทพ. กำลังดำเนินการอยู่กับทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 นั่น
ปุ่ดโธ่! แล้วโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้ มีหรือจะไม่เจริญรอยตามหรือ จริงไม่จริง ฯพณฯท่าน!!!
แก่งหิน เพิง
หมายเหตุ: อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:
-เนตรทิพย์: Hot Issue
รถไฟฟ้าสายสีส้ม.. “บทเรียนที่ต้องเรียน”
http://www.natethip.com/news.php?id=8483
-เนตรทิพย์: Hot Issue
ตามคาด ฟอกขาวสะอาดประมูลสายสีส้ม ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดปมไร้กีดกันการประมูล “วัดใจรัฐบาลเพื่อไทยหักดิบตนเอง กระเตงส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้าน”
http://www.natethip.com/news.php?id=8484
-เนตรทิพย์: Special Report
ลับ ลวง พราง “ดับเบิ้ลเด็ค" กทพ. ..... ปลดล็อครถติดหรือหลุมพรางปล้นผลประโยชน์แสนล้าน!
http://www.natethip.com/news.php?id=7943