สำนักงาน กสทช. ตรวจเข้มพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน ลงพื้นที่ จ. ตาก รอบสอง ติดตามลักลอบลากสายสัญญาณโทรคมนาคมข้ามฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เตือนประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องโทษหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) พร้อมด้วยสำนักงาน กสทช. ภาค 3 และเขต 31 ลำปาง ได้ลงพื้นที่ตรวจการลักลอบลากสายเคเบิลส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามแดน การตั้งสถานีวิทยุคมนาคมเพื่อส่งสัญญาณโดยไม่ได้รับอนุญาต และติดตามการปรับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่หันหน้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านใน จ.ตาก
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้ลงพื้นที่ตรวจการลักลอบใช้สัญญาณโทรคมนาคมข้ามประเทศผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.ตาก เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน หลังจากได้รับแจ้งว่าบริเวณพื้นที่ตะเข็บชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก มีการลักลอบลากสายเคเบิลข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. เขต 31 เคยลงพื้นที่สำรวจพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเมย บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ต.แม่กุ อ.แม่สอด พบว่า มีกระบวนการลักลอบลากสายเคเบิลขึ้นเรือข้ามแม่น้ำเมย ซึ่งเป็นช่องทางพรมแดนธรรมชาติไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายจึงได้ทำการตัดสาย และพิสูจน์ทราบว่าสายดังกล่าวมีต้นกำเนิดสายมาจากที่ใด เนื่องจากการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับรูปแบบการลักลอบใช้สัญญาณโทรคมนาคมผิดกฎหมายบริเวณแนวตะเข็บชายแดน จ.ตาก นอกจากการลากสายเคเบิลขึ้นเรือข้ามแม่น้ำ ยังพบเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ใน อ.แม่สอด และ อ.แม่ระมาด หันออกไปยังฝั่งตรงข้ามไทยในพื้นที่ชเวก๊กโก และหวันหยา ฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นจุดแรกที่เคยลงพื้นที่สุ่มตรวจ ขณะนี้ได้ระงับสัญญาณในพื้นที่แล้วทุกจุด และการตั้งสถานีวิทยุคมนาคม เพื่อส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะนี้สามารถควบคุมการหันเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้แล้ว ทั้ง 7 พื้นที่ คือ (1) อ.แม่สอด จ.ตาก (2) อ.แม่สาย จ.เชียงใหม่ (3) อ.เชียงของ จ.เชียงใหม่ (4) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (5) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว (6) อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ (7) อ.เมือง จ.ระนอง โดยปัจจุบันทุกพื้นที่ที่มีการหันเสาออกนอกประเทศไทยได้มีการระงับสัญญาณรวมแล้ว 366 สถานีฐาน ซึ่งมีทั้งการดำเนินการระงับสัญญาณ ปรับทิศทางสายอากาศ ลดกำลังส่ง และรื้อสายอากาศ
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการขานรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเร่งกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดพื้นที่เพิ่มเติมตามมาตรการระงับการให้บริการโทรคมนาคมบริเวณชายแดนที่มีความเสี่ยง ในอีก 4 อำเภอ 3 จังหวัด ได้แก่ อ.แม่ระมาด อ.พบพระ จ.ตาก อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
“ตอนนี้เรื่องเสา และสายเราจัดการได้แล้ว แต่ที่เป็นห่วงคือการใช้อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูงที่มีการลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเชื่อมต่อกับดาวเทียม เป็นการใช้เทคโนโลยีที่อาจนำไปใช้ในการกระทำผิด และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าติดตาม ก็ต้องขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยกันไม่ให้เกิดการลักลอบนำเข้าจานดาวเทียมผิดกฎหมาย เพราะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง และยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน” นายไตรรัตน์ กล่าว