ในขณะที่ในประเทศไทย พยายามจะ “ขายชาติ” ด้วยการให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบแทบไม่เก็บภาษีใดๆ สิงคโปร์กลับขึ้นภาษีซื้อของคนต่างชาติเป็น 60% เหล่า “คนขายชาติ” ในไทยพึงสังวรดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่า จากรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง รายงานตรงกันว่า สิงคโปร์กำหนดภาษีซื้อของชาวต่างชาติใหม่ จากเดิม 30% เป็น 60% แล้ว เพื่อป้องกันการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ ป้องกันการผูกขาดโดยชาวต่างชาติ และพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนชาวสิงคโปร์ ทั้งนี้มาตรการดังกล่าว เริ่มในวันที่ 27 เมษายน 2566 นี้ยิ่งในกรณีของบริษัทต่างชาติ ที่ไม่ใช่บุคคลธรรมดา ภาษีที่ต้องเสียตอนซื้อ คือ 65% รวมทั้งกองทุน Trustee ด้วย ก็ต้องเสียภาษีจาก 35% เป็น 65% เช่นกัน การเสียภาษีสูงเช่นนี้ ก็เท่ากับคนต่างชาติที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์ ต้องนำเงินไปให้รัฐบาลสิงคโปร์ใช้พัฒนาประเทศโดยตรง แต่ในไทยเก็บภาษีซื้อต่ำมากแถมเก็บจากราคาประเมินของทางราชการซึ่งอาจเป็นเพียง 10%-60% ของราคาตลาดยิ่งกว่านั้นในแต่ละปี ไทยก็แทบไม่เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ต้องราคา 50 ล้านบาท ตามราคาประเมินราชการจึงจะเก็บ) หรือแทบไม่เก็บภาษีกำไรจากการขายต่อ (Capital Gain Tax) ซึ่งเก็บตามราคาประเมินราชการที่ต่ำมาก ยิ่งกว่านั้นไทยยังแทบไม่เก็บภาษีมรดก (เก็บเฉพาะกองมรดกที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ตามราคาประเมินราชการ) การไม่มีมาตรการภาษีที่ดีนี้จึงถือว่าเป็นการ “ขายชาติ-ขายแผ่นดิน” ให้ต่างชาติโดยแทบไม่ได้อะไรกลับมาเลยข้อสังเกตอย่างหนึ่ง ก็คือ ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวรในสิงคโปร์ก็ไม่ต้องเสียภาษีเท่าคนต่างชาติที่ตรงมาซื้อบ้านในสิงคโปร์เลย โดยชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวรในสิงคโปร์ เสียภาษีเพียง 5% สำหรับบ้านหลังแรก ส่วนบ้านหลังที่ 2 และ 3 ขึ้นไปก็ต้องเสียภาษีหนัก เช่นเดียวกับชาวสิงคโปร์เอง ยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีซื้อในกรณีบ้านหลังแรก แต่ในกรณีบ้านหลังที่ 2 และ 3 ขึ้นไป ก็ต้องเสียภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นี่แสดงว่ารัฐบาลสิงคโปร์ไม่ส่งเสริมการเก็งกำไร ผิดกับทางราชการไทยที่ไม่มีมาตรการป้องกันการเก็งกำไรเท่าที่ควรและถือเป็นการ “ให้ท้าย” ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินที่ผลิตที่อยู่อาศัยออกมามากมายเพื่อป้อนนักเก็งกำไรที่ถูกสอนโดยพวกโค้ชสอนลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องส่งเสริมให้ต่างชาติมาลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยเลย ควรส่งเสริมให้มาลงทุนพัฒนาประเทศ พัฒนาการจ้างงานของประชาชนมากกว่า