วิเทโศบายแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งได้วางไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 คือไทยจะไม่เป็นศัตรูกับชาติใด และไทยจะเป็นมิตรไมตรีกับทุกประเทศ ได้เป็นหลักแห่งการดำเนินนโยบายต่างประเทศของประเทศไทยและรักษาชาติบ้านเมืองให้รอดปลอดภัยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
กระทั่งทรงหมายกำชับใจคนรุ่นหลังในการคบมิตรประเทศว่า เมื่อถึงที่สุดแล้วจะต้องคำนึงถึงมิตรไมตรีระหว่างไทยกับจีนและรัสเซียไว้ให้มั่นคง
ทรงโปรดให้สร้างพระตำหนักเมื่อครั้งที่ทรงต้อนรับเสด็จมกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย เมื่อครั้งเสด็จเยือนสยามไว้ที่บางปะอิน และได้โปรดให้นำพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญหรือพระที่นั่งเทียนหมิงเตี้ยนที่พระราชวงศ์จีนและพ่อค้าวาณิชจีนได้ร่วมกันสร้างขึ้นในประเทศจีน มีขนาดใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน มีความสวยงามมาก แล้วถอดสลักเป็นชิ้น ๆ มาปลูกสร้างไว้ที่บางปะอิน ห่างกับพระตำหนักที่ถวายการต้อนรับฝ่ายรัสเซียเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตร
วันเวลาผ่านไปกว่าร้อยปี สถานการณ์ที่ขับเคลื่อนไปตลอดห้วงเวลาดังกล่าว ได้เป็นบทพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า หลักวิเทโศบายที่ทรงวางไว้นั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธานุภาพ ที่สามารถปกป้องคุ้มครองแผ่นดินนี้ให้มีความปลอดภัย มีสันติภาพและสันติสุขตลอดมา อันควรที่คนรุ่นหลังจะได้น้อมนำเทิดไว้เหนือเกล้า และนำไปประพฤติปฏิบัติสืบสานเพื่อความมั่นคงและความมั่งคั่งแห่งพระราชอาณาจักรนี้ตลอดไป
ครั้นคราใดก็ตามที่มีการล่วงละเมิดหลักวิเทโศบายนี้ ก็จะนำพาวิกฤตมาสู่ประเทศไทยของเรา และถึงขั้นเป็นสงครามกลางเมือง หรือหวิดจะเสียบ้านเสียเมืองก็มีให้เห็นมาแล้ว ดังเช่นการเข้าร่วมทำสงครามรุกรานเวียดนามกับสหรัฐ ที่ยอมให้ประเทศไทยเป็นฐานทัพส่งเครื่องบินและกำลังไปสังหารและทำอันตรายชาวเวียดนามและชาวอินโดจีนนับล้านคนมาแล้ว
หรือแม้กระทั่งเข้าร่วมวงไพบูลย์บูรพากับญี่ปุ่นประกาศสงครามกับสัมพันธมิตร จนหวุดหวิดทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม โชคดีที่มีการตั้งเสรีไทยกอบกู้สถานการณ์ไม่ให้เป็นฝ่ายแพ้สงครามได้ โดยในที่สุดก็ต้องขอความช่วยเหลือจากจีนและรัสเซียให้ช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าตอบแทนใด ๆ
มาถึงปัจจุบันนี้รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้เข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก กับสหรัฐ และมีปฏิบัติการมากหลายตามยุทธศาสตร์นั้น คือถือจีนเป็นภัยคุกคามที่จะต้องขัดขวางต่อต้านทุกรูปแบบ ทุกมิติ และจะร่วมมือกับสหรัฐและพันธมิตรทุกมิติ ทุกรูปแบบด้วย
นั่นเป็นด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่ง การเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ก็มีลักษณะพร้อมที่จะสานต่อและยกระดับความร่วมมือตามแถลงการณ์ร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู และอาจจะยิ่งกว่าเมื่อเข้าร่วมสงครามเวียดนามเสียอีก
สหรัฐสนับสนุนการปฏิวัติสีในฮ่องกงเพื่อแบ่งแยกฮ่องกงออกจากจีน ไพร่พลของพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนก็ร่วมกันไชโยโห่ฮิ้วร้องสนับสนุนฝ่ายกบฏในฮ่องกงอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
ฝ่ายทหารพม่าไม่อาจทนเห็นนักการเมืองพม่าขายชาติสมรู้กันให้ต่างชาติเข้ามาปกครองยึดครองพม่า เพื่อใช้เป็นฐานในการรุกรานประเทศจีน รัสเซีย และอิหร่าน จึงกระทำการรัฐประหารล้มรัฐบาลนั้นเสีย สหรัฐก็คว่ำบาตรและต่อต้านรัฐบาลทหารของพม่า ก็มีการเคลื่อนไหวโดยไพร่พลนักการเมืองที่สหรัฐสนับสนุนดังกล่าวร่วมต่อต้านรัฐบาลพม่า สนับสนุนฝ่ายกบฏอย่างออกนอกหน้า กระทั่งเข้าร่วมการเคลื่อนไหวต่อต้านพม่าในประเทศไทย
ครั้นเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและพันธมิตรกับสหรัฐและนาโต้ในสมรภูมิยูเครน ไพร่พลของพรรคการเมืองดังกล่าวก็เข้าร่วมสนับสนุนท่าทีทางการเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐและนาโต้ กระทั่งประณามรัสเซียและพันธมิตรอย่างหน้าตาเฉย
ครั้นนักล่าอาณานิคมสนับสนุนให้เกิดการชุมนุมเดินขบวนขับไล่ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเพื่อล้มล้างการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ไพร่พลของพรรคการเมืองที่สหรัฐสนับสนุนนี้ก็เข้าร่วมส่งเสียงเรียกร้องให้ชาวไทยและชาวมุสลิมร่วมกันขับไล่ผู้นำสูงสุดของอิหร่านด้วย
บรรดาพวกกบฏหรือพวกฝ่ายขวาในลาว กัมพูชา และเวียดนาม ที่เคลื่อนไหวเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนักล่าอาณานิคมก็ประสานการเคลื่อนไหวเข้ากับนักการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนในประเทศไทย จึงกลายเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลลาว กัมพูชา และเวียดนามโดยอัตโนมัติ
ยกตัวอย่างหลังการเลือกตั้ง นายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายต่อต้านของรัฐบาลกัมพูชา ได้ประกาศเดินทางกลับประเทศทันทีที่รัฐบาลใหม่ได้จัดตั้งขึ้น โดยประกาศว่าจะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาจากประเทศไทย ซึ่งแค่พูดก็เห็นชัดแล้วว่า จะใช้รูปแบบของรัฐบาลหุ่นเชิดกวยโดแห่งเวเนซุเอลาที่สหรัฐเชิดให้เป็นประธานาธิบดีแทนประธานาธิบดีมาดูโร ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
มีการระดมมวลชนเตรียมการปฏิวัติสี โดยจะเคลื่อนพลถึง 700,000 คน ข้ามแดนเข้าไปยังเวเนซุเอลา แต่โชคดีของเวเนซุเอลาที่มวลชนและมิตรประเทศสนับสนุนประธานาธิบดีมาดูโร จึงสามารถระดมประชาชน 1,500,000 คน ไปขัดขวางที่แนวพรมแดนนั้น โดยในจำนวนนี้มีคนงานจีนแต่งชุดพรางเข้าร่วมการชุมนุมด้วย 500,000 คน และมีคนงานอิหร่านเข้าร่วมการชุมนุมด้วย 300,000 คน จึงสามารถทำลายแผนการปฏิวัติสีได้สำเร็จ
ท่าทีของนายสม รังสี ได้สร้างความไม่พอใจให้กับนายกรัฐมนตรีฮุนเซนอย่างรุนแรง และได้สั่งให้กองทัพกัมพูชาเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าว เช่นเดียวกับพม่า เมื่อสถานการณ์กบฏในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ยกระดับขึ้น ถึงขนาดใช้โดรนโจมตีกองทัพพม่าแล้ว และมีการตั้งหน่วย “ช่วยเหลือทางมนุษยธรรม” (ฐานที่มั่นในการส่งกำลังนอกแบบเข้าไปทำสงครามกับรัฐบาลพม่า) เพิ่มขึ้น รัฐบาลพม่าก็สั่งกำลังทหารเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าว
เหล่านี้จะเป็นวิบากกรรมที่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2566 อย่าได้สงสัยเลย
หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูล:วิบากกรรมชักศึกเข้าบ้าน
โดย สิริอัญญา
วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566