นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า จากสภาพปัญหาถังก๊าซหุงต้มในปัจจุบัน กรมธุรกิจพลังงานตรวจพบถังก๊าซหุงต้มเสื่อมสภาพและหมดอายุตกค้างอยู่ในระบบจำนวนมาก อีกทั้งได้รับแจ้งการลักลอบนำถังก๊าซหุงต้มมาเติมในสถานีบริการ LPG เป็นระยะ ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยทั้งในระหว่างการเติมและการใช้ถังก๊าซหุงต้มของประชาชน ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีผลการดำเนินการสำคัญ 6 ด้าน ดังนี้ 1. การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานกลางในการคัดสภาพถังก๊าซหุงต้ม 2. การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา 3. การผสานความร่วมมือภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 4. การเสริมสร้างความเข้าใจและเปิด Hotline รับเรื่องร้องทุกข์ 5. การเพิ่มประสิทธิภาพการส่งถังกลับซ่อม และ 6. การยกระดับโทษสำหรับการนำถังก๊าซหุงต้มไปเติมที่สถานีบริการ ทั้งหมดนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และการค้าที่เป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน
ด้าน นางพัทธ์ธีรา สายประทุมทิพย์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาก๊าซปิโตรเลียมเหลวในภาคครัวเรือน ที่มีผู้แทนจากผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวทั้งหมด 12 ราย สมาคมผู้ประกอบธุรกิจ โรงบรรจุก๊าซหุงต้ม สมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและร่วมพิจารณามาตรการแก้ไขปัญหาทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ (Value chain) เพื่อสนับสนุนการคุ้มครองผู้บริโภคและการนำถังกลับเข้าไปซ่อมกับผู้ค้ามาตรา 7 อย่างเป็นระบบ กรมยังได้ประสานความร่วมมือด้านการคุ้มครองผู้บริโภคกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในการปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรมและความปลอดภัยจากการใช้ก๊าซหุงต้ม จัดตั้งช่องทางสายด่วน (Hotline) เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์และประสานรับ-ส่งต่อเรื่องร้องทุกข์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ธพ. และ สคบ. นอกจากนี้ เพื่อปรับปรุงและยกระดับระบบการค้าก๊าซหุงต้มให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ด้านพลังงานและตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ธพ. จึงกำหนดศึกษาระบบการค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคครัวเรือนที่เหมาะสมในอนาคต โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการปลายปี 2567 โดยการศึกษาจะครอบคลุมข้อเสนอแนะทั้งมิติด้านการค้าการค้าเสรีที่มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มาตรฐานความปลอดภัย และการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับรูปแบบที่กำหนดขึ้นใหม่
นอกจากนี้ กรณีปัญหาการลักลอบนำถังก๊าซหุงต้มมาเติมในสถานีบริการ LPG ธพ. ได้ประสานความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด พลังงานจังหวัด ทั่วประเทศ รวมถึงศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.) ในการตรวจตราที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น และการเปรียบเทียบปรับอัตราเต็มขั้นต่อผู้ประกอบกิจการที่กระทำผิด รวมทั้งประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเบาะแส และสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส ไม่น้อยกว่า 3,750 บาทต่อกรณี อีกทั้งอยู่ระหว่างทบทวนแนวทางดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายเพื่อเพิ่มโทษ กับสถานีบริการและผู้ปฏิบัติงาน กรณีพบการกระทำผิดซ้ำ ตามมาตรา 54 และหากมีการกระทำผิดครั้งที่ 4 จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต ตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 เพื่อยกระดับมาตรการในการกำกับดูแลไม่ให้เกิดการกระทำผิด
ทั้งนี้ ธพ. ยืนยันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาถังก๊าซหุงต้มทั้งระบบโดยประสานความร่วมมือภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพและความปลอดภัยให้ประชาชน และให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนโดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ