เมื่อต้นทางเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กลับกลายเป็นตัวปัญหาในเรื่องความไม่โปร่งใสเสียแล้ว นายกรัฐมนตรีใหม่ ที่มาจากการโหวตเลือกของ ส.ว. จะแก้ปมคอร์รัปชั่น เช่นที่ ACT เรียกร้องได้อย่างไร?
ท่ามกลางความระทึกใจ!
ใครเป็นใคร?
ใน “ครม.ลุงตู่” สมัยที่ 2 ก็มีอีกความระทึกใจแทรกกลางครัน อันเป็นความต่อเนื่องจากปม “ซ่อนเร้น 50 รายชื่อ ส.ว.” ที่แม้จะถูกปล่อยออกมาในภายหลัง แต่ก็มีประเด็นให้ต้องขบคิดว่า..
ท้ายที่สุดแล้วมันจะลงเอยอย่างไร?
เมื่อพบว่า...รายชื่อที่ซ่อนเร้นก่อนหน้านี้ มี “5 ชื่อ” ที่เป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว. แต่สุดท้าย...พวกเขาทั้ง 5 คน กลับมาทำหน้าที่เป็น ส.ว.เสียเอง!
ไม่เพียงแค่นั้น ในโลกโซเชียลมีเดียต่างวิจารณ์อันอึงมี่?
หากทั้งประเด็น “ซ่อนเร้น 50 รายชื่อ ส.ว.” และการที่ “5 คณะกรรมการสรรหา ส.ว. แทรกตัวเป็น ส.ว. เสียเอง”
กลายเป็น “พิษ” ด้วยเหตุเพราะ ส.ว. ทั้ง 250 คน ต่างโหวตเลือก “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” ร่วมกับ ส.ส.อีก 500 คน จนได้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็น “นายกฯ สมัยที่ 2” ดังที่ทราบกันก่อนหน้านี้
เป็นพิษเพราะ...ที่มา ส.ว. ไม่ถูกต้อง ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ นั่นก็หมายความว่า...บางส่วนของ ส.ว. ที่โหวตเลือก “ลุงตู่” กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย...ไม่มีตัวตน และไม่มีอยู่จริง!
แน่นอน…สิ่งนี้ ย่อมกระทบกับสถานภาพของ “ลุงตู่” อย่างไม่ต้องสงสัย?
สำนวน “โมฆะเลือก ส.ว. = โมฆะเลือกนายกฯ” กำลังดังกระหึ่มโลกออนไลน์ และไม่ว่า...ผลมันจะลงเอยอย่างไร? ย่อมทำให้ใครบางคน? หรือหลายคน? อาจต้องลุ้นระทึก! และระคนไปกับการจะได้นั่ง “เก้าอี้ รมต.” หรือไม่? อย่างไร?
“สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” เชื่อว่า...อีกไม่นาน คนไทยคงได้รู้กัน? จะต้องทนไปกับความเป็น “ไม้หลักปักขี้เลน” ขององค์กรอิสระและเครือข่าย คสช. ต่อไป หรือต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้นกันใหม่ ด้วยการ “เลือกตั้งครั้งใหม่”
แต่ระหว่างนี้...สารพัดสารพันปัญหา ต่างถาโถมเข้าใส่ “รัฐบาลใหม่” ที่ขณะนี้ ยังคงเป็น “ลุงตู่” ที่นอนมากับเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 29” สมัยที่ 2
ล่าสุดทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ หรือ ACT เรียกร้องให้ “รัฐบาลใหม่” เน้นปราบโกง พร้อมขอทุกพรรคการเมืองร่วมตรวจสอบการทำงานเพื่อความโปร่งใส
ทั้งนี้ การเปิดแถลงข่าว “ACT เรียกร้องรัฐบาลใหม่เน้นปราบโกง” เมื่อช่วงสายของวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ ห้องไทยจิตรลดา โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค นั้น ผู้ร่วมแถลงข่าวภายใต้การนำของ “วิเชียร พงศธร” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT
ระบุชัดว่า...รัฐบาลชุดใหม่ต้องลงมืออย่างจริงจัง และไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อเรียกศรัทธาประชาชน พร้อมกันนี้ ACT เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองและกลไกรัฐสภาร่วมตรวจสอบการทำงานเพื่อความโปร่งใส เพราะส่วนใหญ่ของสมาชิกรัฐสภา (ส.ส.) มาจากเสียงประชาชน
“วิเชียร” ย้ำว่า ก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายพัฒนาประเทศต่อสาธารณชนในด้านต่างๆ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ได้รวบรวมความคิดเห็นของประชาชนและทบทวนงานที่ภาคส่วนต่างๆ ได้ขับเคลื่อนตลอดมา เพื่อกำหนดเป็นข้อเสนอถึงรัฐบาลชุดใหม่ รับไปเป็นนโยบายด้านการต่อต้านคอร์รัปชันและการสร้างเสริมระบบธรรมาภิบาลให้สอดคล้องกับเสียงเรียกร้องของประชาชน โดยกำหนดเป็น “6 วาระสำคัญ” ดังนี้...
(1) รับฟังเสียงประชาชน ปกป้องและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
(2) เปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและการใช้อำนาจในการบริหารที่ประชาชนเข้าถึงง่ายเพื่อมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบ ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางใจจากประชาชน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความโปร่งใสและแสดงถึงการมีธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ
(3) กำกับดูแลคนในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีพฤติกรรมฉ้อฉล คดโกง และมีมาตรการลงโทษ
ถอดถอนอย่างชัดเจน หากมีปัญหาส่อเค้าไปในทางทุจริตควรแก้ไขโดยพลัน
(4) สนับสนุนให้องค์กรตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช. ได้ทำงานอย่างเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง
(5) การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการควรมีความโปร่งใส เป็นธรรม มีหลักการเหตุผลชัดเจน ไม่เห็นแก่พวกพ้อง
(6) สร้างความต่อเนื่องและการบังคับใช้ข้อกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติสำคัญต่างๆ อย่างเข้มข้น เช่น พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตอนุมัติของทางราชการฯ ข้อตกลงคุณธรรม รวมทั้งลดทอนกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่ล้าสมัยและก่อให้เกิดเรียกรับสินบน
ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ยังระบุอีกว่า นอกเหนือจากข้อเสนอผ่านกลไกการบริหารประเทศดังกล่าวแล้ว ยังมีกลไกรัฐสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลให้เกิดธรรมาภิบาล โดยเฉพาะบทบาทของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ จะต้องมีหน้าที่ช่วยตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาลอย่างเข้มข้น ตรงไปตรงมา เพราะทั้งสองฝ่ายต่างถือเป็นตัวแทนประชาชนและต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของการเมืองที่มีธรรมาภิบาล
ถึงตรงนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” ไม่ใคร่จะมั่นใจนักว่า...ข้อเรียกร้องทั้งหมดข้างต้น จะได้รับการขานรับและตอบสนองจาก “รัฐบาลลุงตู่ สมัยที่ 2” หรือไม่? อย่างไร?
เพราะเมื่อ “ต้นทาง” คือ การได้มาของ ส.ว. “ชนวนเหตุ” ที่ทำให้การสรรหา “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” เป็นเช่นที่เห็นอยู่นี้...กลับกลายเป็น “ตัวปัญหา” เสียเอง
ฉะนั้น เรื่องความโปร่งใสในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ย่อมต้องมีปัญหาตามมา
ทั้งหมดมาจากปมที่ว่า...ต้นทางของการสรรหานายกรัฐมนตรี ได้จัดชั้นให้ “สอบตก” กันตั้งแต่ต้นเสียนั่นเอง!!!
โดย..กากบาทดำ