ในอดีตนับ 100 ปี อำเภอแม่สอด ดินแดนขอบชายแดนของจังหวัดตากกับ “เมืองเมียวดี" ของเมียนมาร์นั้น ได้ขื่อว่าเป็นยิ่งกว่า "บ้านพี่เมืองน้อง" ที่มีเพียง “ลำน้ำสบเมย” ขวางกั้น แต่ด้วยความกว้างของลำน้ำขนาด 40 -80 เมตร ระยะทางนับสิบกิโลเมตรนั้น หาได้เป็นอุปสรรคต่อความผูกพันอันแน่นแฟ้นของประชาชน 2 ฟากฝั่ง
ด้วยประชากรส่วนใหญ่ที่อาศัยริมน้ำสบเมยแห่งนี้ จะเป็น “กะเหรี่ยงพุทธ” ที่มีความ "ศรัทธา" ในพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกับผู้คนในอำเภอแม่สอด ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้คน 2 ฟากฝั่งนั้นต่างเดินทางไปมาหาสู่ตามวิถีชีวิตที่ผูกพันกันมานับ 100 ปี โดยไม่มีความบาดหมางเกิดขึ้นใดๆ เพราะทุกคนต่างยึดมั่นในหลักพระพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง
แต่ในปัจจุบัน “แม่สอด-สบเมย” และ “เมียวดี” กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นทั้งสองฟากฝั่ง จากการรุกคืบเข้ามาของนายทุนธุรกิจ “คาสิโนออนไลน์” และธุรกิจออนไลน์ (รวมทั้งแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์) ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และกำลังขยับขยายเข้ามาตั้งรกรากทำมาหากินกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันในพื้นที่มากกว่า 10 แห่ง
เฉพาะที่โดดเด่น เอ่ยชื่อขึ้นมาผู้คน 2 ฟากฝั่งสบเมยเป็นรู้จักมักจี่กันดีนั้น ประกอบด้วย
1. “Star Vegas คาสิโน” ที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของริมแม่น้ำสบเมย เพราะอยู่ติดถนนหลักและท่าข้ามหลัก จนผู้คนเรียกกันติดปากว่า "ท่าสตาร์" ซึ่งเจ้าของ "สตาร์เวกัส" นั้น นัยว่าคือ "เสี่ยตือ" ผู้โด่งดังแห่ง "สตาร์เวกัสปอยเปต" ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากฝั่งอรัญ-ปอยเปต หลังจากรัฐบาลกัมพูชาเร่งระดมกวาดล้างธุรกิจออนไลน์
โดยเฉพาะแก๊ง "คอลเซ็นเตอร์" ขนานใหญ่ ทำให้นายทุนต้องหอบหิ้วธุรกิจพนันออนไลน์มาลงหลักปักฐานที่ชายแดนแม่สอดแห่งนี้ โดยมีการปรับปรุงคาสิโนเดิมที่มีห้องพักอยู่เพียง 60 ห้อง ขยายห้องพักโดยก่อสร้างอาคาร 4 ชั้น 10 อาคาร ที่คาดว่า จุบรรดานักพนัน และคอมพิวเตอร์ ได้มากกว่า 4,000 เครื่อง และมีข่าวลือให้แซ่ดด้วยว่า “บิ๊กบอส” ของคาสิโนแห่งนี้เป็นนักการเมืองระดับรัฐมนตรีที่ไม่มีใครแตะต้องได้
2. “เฮงเส็ง คาสิโน” เป็นคาสิโนของนักลงทุนจีน ตั้งอยู่ที่ท่า 6 เก่า และเป็นคาสิโนที่ต้อนรับนักเสี่ยงโชคจากไทยเป็นหลัก โดยนัยว่า ด้านบนอาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็นพื้นที่ทำธุรกิจออนไลน์ที่ส่งตรงไปยังประเทศจีน
3. “เมียวดี คอมเพล็กซ์” เป็นคาสิโนแห่งแรกที่เข้ามาเปิดบนพื้นที่แห่งนี้เมื่อ 7 ปีก่อน โดยเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าเป็นของ "รองต๊ะ" นายตำรวจที่มากด้วยบารมีของแม่สอด โดยเมียวดี คอมเพล็กซ์ นั้น เดิมเป็นอาคารชั้นเดียว มีห้องพักอยู่ 20 กว่าห้อง ล่าสุดได้ขยายพื้นที่ด้านหลังเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 ห้อง พร้อมลงเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่า 100-200 เครื่อง เพื่อรองรับธุรกิจออนไลน์ที่จะเข้ามาเข้ามาตั้งฐานดำเนินธุรกิจในพื้นที่แห่งนี้
4. “แกรนด์ เมียวดี คาสิโน” แห่งนี้ใช้ท่าข้ามที่เรียกว่า “ท่าแกรนด์” ซึ่งอยู่ใกล้กับเมียวดี คอมเพล็กซ์ เป็นอาคารชั้นเดียว มีห้องพัก 20 กว่าห้อง และล่าสุดได้ขยายห้องพักเพื่อรองรับธุรกิจออนไลน์ด้านข้าง และลงเครื่องคอมพิวเตอร์อีกกว่า 100 เครื่อง โดยนัยว่า แกรนด์เมียวดีนั้น ปัจจุบันได้เปลี่ยนมือไปอยู่ภายใต้กลุ่ม “คาสิโนอันดามัน” แห่งเกาะสอง และเกาะสนจังหวัดระนอง และมีฐานลูกค้าที่นัยว่าหอบหิ้วกันมาจากกลุ่มคนไทยจากจังหวัดระนองเป็นหลัก
5. “เดอะซัน แห่งท่า 14” คาสิโนน้องใหม่ที่กำลังมาแรง และเป็นที่กล่าวขวัญถึง เพราะเจ้าของเป็นพียงเด็กหนุ่มวัยแค่ 30 ต้นๆนาม “ป๊อก ขอนแก่น” กลุ่มนี้มีฐานเดิมมาจากภาคอีสาน และร่ำลือกันว่า บารมีนั้นเหนือกว่านายกฯ เสียอีก ถึงขนาดที่เปิดเว็บไซต์ www.thesunworld.com ที่บ่งบอกถึงแผนก่อสร้างคาสิโน และมีอาคารสำหรับให้เช่าทำธุรกิจออนไลน์ที่กำลังก่อสร้าง ที่คาดว่า จะลงคอมพิวเตอร์มากกว่า 6,000 เครื่อง เพื่อรองรับลูกค้าที่ย้ายมาจากฝั่งกัมพูชา และเครือข่ายที่หลบซ่อนอยู่ในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีคาสิโนออนไลน์รายย่อยอีกนับสิบรายที่เปิดขึ้นมา อาทิ จัสมิน อาคารสีม่วง และ ไลอ้อน 58 ที่แม้จะมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่ก็มีการติดตั้งคอมพิวเตอร์ระดับ 100 เครื่องเลยทีเดียว เพื่อเอาไว้บริการผู้ลงทุนที่ต้องการทำธุรกิจออนไลน์ทั้งหลายแหล่ ฯลฯ
การรุกคืบเข้ามาของคาสิโนและธุรกิจออนไลน์ที่กำลังก่อสร้างอาคาร และติดตั้งคอมพิวเตอร์ในระดับเป็น 100 เป็น 1,000 เครื่อง เพื่อรองรับธุรกิจคาสิโนออนไลน์ รวมทั้งธุรกิจออนไลน์ ที่คาดว่าจะย้ายฐานจากพื้นที่อื่นๆ นั้น ทำให้ดินแดนแม่สอด-เมียวดีแห่งนี้ เป็นที่จับตามองว่า กำลังจะกลายเป็น “สามเหลี่ยมทองคำแห่งใหม่” ของอาเซียน
ข้อมูลที่กลุ่ม “แม่สอดไม่ทน” รวบรวมได้นั้น พบว่า แม่น้ำสบเมยที่ชาวแม่สอด-เมียวดี ใช้เป็น “ท่าข้ามธรรมชาติ” กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง จะไม่ใช่ท่าข้ามธรรมชาติที่ชาวกะเหรี่ยงและคนไทยข้ามไปมาหาสู่ โดยแต่ละวันมีผู้คนสองฟากฝั่งใช้ท่าข้ามลำน้ำสบเมยแห่งนี้ข้ามวันละกว่า 5,000-6,000 คน
แต่จากนี้ไป หลังการรุกคืบเข้ามาของธุรกิจ “คาสิโนออนไลน์” และ “คอลล์เซ็นเตอร์” ทั้งหลายแหล่ที่กำลังผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดนั้น กำลังจะทำให้ท่าข้ามแม่น้ำสบเมยแห่งนี้เปลี่ยนโฉมหน้ากลายเป็นท่าข้ามของนักพนัน และพนักงานที่ทำงานในบ่อนคาสิโนและคาสิโนออนไลน์ทั้งหลายแหล่ โดยคาดว่า หลังรัฐบาลผ่อนปรนเรื่องการเดินทางเข้า-ออก นับแต่วันที่ 17 เมษายนนี้เป็นต้นไป แม่น้ำสบเมยจะไม่ใช่ “วิธีธรรมชาติ” ของการข้ามฟากเช่นในอดีตอีกแล้ว
แต่จะพลิกโฉมหน้าไปสู่คาสิโนออนไลน์และธุรกิจสีเทา ที่ชาวแม่สอดและเมียวดีไม่คุ้ยชินมาก่อน!
แม้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำมาซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวและใช้บริการในอำเภอแม่สอด ที่คาดว่า จะมีนับหมื่นคนหรือหลายหมื่นคน จะมีส่วนช่วยพลิกโฉมหน้าเศรษฐกิจของแม่สอดจากที่เคยหลับใหลในช่วงวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ให้ครึกครื้นขึ้นมาเป็นเมืองแห่งสีสันที่ไม่เคยหลับในอนาคต
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลกับผลที่จะมีตามมา ก็คือ สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งปัญหายาเสพติด การค้าประเวณี และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะมีตามมา หลายฝ่ายแสดงความเป็นกังวลว่า จะทำให้เมืองแม่สอดที่ประชากรส่วนใหญ่ยังชีพด้วยการหาเช้า-กินค่ำ เป็นเมืองแห่งธรรมชาติ น้ำตกทีลอซู เมืองแห่งสมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเจ้าตาก และเจ้าพ่อพระวอ แต่จากนี้ไปแม่สอดจะไม่เหลือเค้าวิถีชีวิตในอดีตอีกแล้ว แต่จะพลิกโฉมหน้าเป็นเมืองแห่ง “คนบาป” เป็นที่รวมของคาสิโนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพราะจะมีคอมพิวเตอร์นับหมื่นเครื่อง พร้อมผู้คนอันหลากหลายนับพันนับหมื่นรายย้ายเข้ามาตั้งรกรากทำมาหากินอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
สิ่งที่ผู้คนในพื้นที่แม่สอด-สบเมยและเมียวดี แสดงความเป็นกังวลจากการไหลบ่าเข้ามาของธุรกิจคาสิโนออนไลน์และธุรกิจออนไลน์ที่กำลังผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ทั้งฝั่งเมียวดี-แม่สอดในเวลานี้ ก็คือ “แล้วอนาคตของลูกหลาน เด็กเยาวชนคนสอดสอด-เมียวดี” จากนี้จะเป็นอย่างไร?
“กลุ่มแม่สอดไม่ทน” จึงอยากร้องดังๆ ไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาล ผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองทั้งหลาย โดยเฉพาะฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา รวมทั้งป้องปากตะโกนไปยังเพื่อนบ้านเมียนมาร์ รวมทั้งกองกำลังกะเหรี่ยง ทั้ง KNU BGF ขอให้ทุกฝ่ายได้คิดถึงคนในแม่สอด และอนาคตของลูกหลานที่จะต้องมารับกรรมกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้
“เราไม่อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงแต่เพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า หวังเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจของแม่สอด โดยไม่นำพาเลยว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของแม่สอดที่กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ มันหาใช่เศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทำมาหากินกันตามปกติ แต่มาจาก “เงินบาป” ของคาสิโนและการพนันออนไลน์อันเป็นสิ่งที่ทั้งโลกเกลียดชัง”
กับหนทางแก้ไขนั้น นอกจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่มีหน้าที่ดูแลการเดินทางเข้า-ออก การเดินทางข้ามฝั่งแม่น้ำเมย ทั้งตำรวจ-ทหาร เจ้าหน้าที่ปกครองริมน้ำแห่งนี้ จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการเดินทางข้ามแดน โดยเฉพาะทางช่องทางธรรมชาติ ที่ต้องมีการ “จัดระเบียบ” และตรวจสอบไม่ให้บรรดานายทุนผู้ประกอบการธุรกิจคาสิโนหรือการพนันออนไลน์ ใช้ฐานแห่งนี้เป็นฐานทำธุรกิจได้อย่างง่ายดายแล้ว
หน่วยงานสำคัญของไทยที่กำกับดูแลและอำนวยความสะดวก และซัพพลายระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน อย่างไฟฟ้า ประปา บริการสื่อสารโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต ทั้งบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคม-อินเตอร์เน็ต ที่ตั้งเครือข่ายให้บริการริมน้ำสบเมยทั้งหลาย จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการส่งสัญญาณหรือให้บริการไปยังฝั่งเมียวดี
เพราะธุรกิจเหล่านี้จะให้บริการไม่ได้เลย หากปราศจากซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือ และสิ่งสิ่งอำนวยความสะดวกจากฝั่งไทย ที่กลายมาเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจเหล่านี้ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ให้บริการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน อย่างไฟฟ้าไทย เพราะบรรดาโรงแรม บรรดาสิ่งปลูกสร้างที่นายทุนธุรกิจคาสิโน และธุรกิจออนไลน์ นับสิบแห่งเหล่านี้ หากไม่ได้รับการให้บริการหรือเกื้อหนุนจากฝั่งไทยที่ให้บริการข้ามฝั่งแล้ว ธุรกิจคาสิโนและการพนันออนไลน์ทั้งหลายแหล่เหล่านี้จะไม่มีทางให้บริการได้เลย
“ยิ่งในส่วนของบริการสื่อสารโทรคมนาคม-อินเทอร์เน็ตด้วยแล้ว การที่ผู้ให้บริการเหล่านี้ที่ต้องให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สามารถดำเนินธุรกิจได้นั้น ก็เพราะได้รับการเกื้อหนุนหรือส่งเสริมจากฝั่งไทย จนกลายเป็นว่า บริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสื่อสารโทรคมนาคม-อินเทอร์เน็ตที่เราลงทุนขยายเครือข่ายให้บริการข้ามฟากไปเหล่านี้ คือ การส่งเสริมให้ธุรกิจเหล่านี้ย้อนกลับมาทำลายอนาคตลูกหลานเยาวชนไทยเราเอง และย้อนกลับมาซ้ำเติมวิกฤติประเทศไทยเราเอง"
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะช่วยกันพิทักษ์แม่สอด ก่อนจะกลายเป็น “เมืองคนบาป” แห่งอาเซียนด้วยเถอะ!