“พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ” รองนายกฯ สวมบทเข้ม ชงปฏิรูปใหม่ดีเอสไอใหม่ ดึงขึ้นตรงนายกรัฐมนตรี หวังเป็นองค์กรปราบปรามอาชญากรรม-เป็นที่พึ่งประชาชนอย่างแท้จริง แถมช่วยลบข้อครหาไป ”คบหานายทุน-ผู้มีอิทธิพล-เด็กเส้นเด็กนาย” เหมือนที่ผ่านมา!ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า เมื่ออังคารที่ 11 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยเสนอปฏิรูปดีเอสไอแบบยกเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยประเด็นสำคัญเสนอให้หน่วยงานดีเอสไอมาขึ้นต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรง จากเดิมที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงยุติธรรมแหล่งข่าวในการประชุมครม.กล่าวถึงการเสนอปฏิรูปดีเอสไอให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรงว่า เป็นโอกาสดีที่จะปฏิรูปดีเอสไอให้เป็นที่พึ่งประชาชนได้อย่างแท้จริง โดยให้ดีเอสไอสามารถทำหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อปราบปรามกลุ่มนายทุนที่มีอิทธิพล ที่กระทำผิดให้เกรงกลัวกฎหมาย และต่อสู้ปราบปรามองค์กรอาชญากรรมอย่างจริงจัง ไม่ใช่ไปคบหากลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล อย่างที่ถูกสังคมสร้างข้อครหาเหมือนที่ผ่านมาสาเหตุหนึ่งที่มีการเสนอปฏิรูปดีเอสไอในครั้งนี้ มีข้อมูลระบุว่า ขณะนี้โครงสร้างการบริหารในดีเอสไอระดับบริหารในองค์กรดีเอสไอ เป็นตำรวจมากกว่า 90% ระบบต่างๆ จึงคล้ายเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 (สตช. 2) การวางคนเพื่อสืบทอดหรือสั่งการซ้ายขวา จึงเป็นตำรวจทั้งหมด ตำแหน่งอธิบดีมีอำนาจมาก มีอำนาจการสั่งฟ้องคดี การสืบสวนสอบสวนคนเดียว “การทำงานของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ไม่อิสระถูกแทรกแซง เพื่อให้ถูกใจใครบางคน ถ้าจะปฏิรูปดีเอสไอให้ได้ผล ต้องสร้างหลักเกณฑ์การพิจารณาความเจริญก้าวหน้าของเจ้าหน้าที่อย่างยุติธรรม โดยปรับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไม่ต้องให้มีการวิ่งเต้น ให้เอาผลงานมาประเมินในการพิจารณาเลื่อนระดับ จะได้แก้ปัญหาการฝาก การหาตั๋ว มิฉะนั้นสักวันหนึ่งระบบอุปถัมภ์จะมาทวงบุญคุณ เข้ามาแทรกแซงคดีจนได้”ที่ผ่านมา คดีสำคัญๆ เช่น คดีปั่นหุ้นของ กลต. คดีฟอกเงิน คดีอาชญากรรมข้ามชาติ การขยายผลเพื่อติดตามตัวและทรัพย์สินคืนให้ประชาชนไม่ค่อยทันเกมของนายทุน เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่ชำนาญพอในการทำคดีที่แยบยลขององค์กรอาญากรรม เพราะมีความยุ่งยากแตกต่างจากคดีตำรวจโรงพัก เนื่องจากต้องใช้กฎหมายหลายฉบับ หลายมาตรการและที่สำคัญต้องมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการทำงานให้สอดคล้องกัน รวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยตามกระบวนการปกติ สุดท้ายคดีก็ถูกยกฟ้อง ทรัพย์สินถูกเคลื่อนย้าย หรือผู้กระทำความผิดหลบหนี หรือคดีสำคัญไม่สามารถสาวไปไม่ถึงนายทุนผู้สั่งการหรือมีอิทธิพลมืดเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หลังมีเงินก้อนโตหล่นใส่ผู้รับผิดชอบคดี“ถ้ามีการปฏิรูปดีเอสไออย่างจริงจัง จะทำให้มีการสร้างคนทำงาน ที่เป็นพนักงานสอบสวนที่มีคุณภาพจริง ไม่ใช่เด็กเส้นเด็กนาย ที่ผลักดันช่วยกันให้มาเป็น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ แต่ไม่เคยทำการสืบสวน ไม่เคยทำสำนวนคดีเลย”แหล่งข่าวยังชี้ให้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันนี้ว่า การสอบคัดเลือกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรอบล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า มีการวิ่งเต้นกันมาก เพราะที่นี่ต้องมีตั๋วฝาก แต่ผลสอบประกาศออกมาไม่เปิดโอกาสให้คนทำงาน พวกอาวุโสได้มีโอกาสเข้ารอบสัมภาษณ์ แสดงความสามารถ คงมีแต่พวกงานหน้าห้องธุรการ มีการสนับสนุน คนใกล้ชิดของผู้บริหารบางราย ให้ผ่านการสอบขึ้นยกแผง แถมยังให้ฝ่ายสนับสนุนอำนวยการยกระดับเป็นพนักงานสอบสวน ทำให้คนทำงาน คนทำคดีท้อแท้ "ขณะนี้ระบบการสอบคัดเลือกไม่มีความเป็นธรรมหนัก ยิ่งกว่าการสอบคัดเลือกเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีคำถามว่า ท่านนายกรัฐมนตรี จะยอมให้คนเหล่านี้มารับตำแหน่งสูงๆ ได้เงินสูงๆ แต่ไม่สามารถทำคดีสำคัญๆ หรือแก้ปัญหาอาชญากรรมยากๆ ที่มีอิทธิพล และจะเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงได้อย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว พร้อมกล่าวต่อว่าว่า ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร้องขอความเป็นธรรมเรื่องการสอบแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะประเด็นเอาตำแหน่งพนักงานสอบสวน ที่ทำคดีไปอยู่งานธุรการ ทั้งๆ ที่กฎหมายกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนมากมาย และค่าตอบแทนสูงกว่าข้าราชการอื่นๆ เป็นที่รู้กันว่า พวกนี้อยากได้ตำแหน่งได้เงิน แต่ไม่ยอมเสี่ยงทำคดี จะทำแต่งานธุรการ จึงเสียดายอัตรากำลัง “ในเรื่องนี้จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่กล้าลุกขึ้นร้องเรียน แต่กลับถูกหมายหัวจากผู้บริหาร น่าสงสารมาก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอส่วนใหญ่ หวังให้มีการปฏิรูปหน่วยงานอย่างจริงจังหรือยกระดับการทำงานของดีเอสไอให้เหมือน FBI ของสหรัฐอเมริกาไปเลย ทั้งเพื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะได้มีโอกาสทำงานกู้ศักดิ์ศรี DSI คืนกลับมา”อย่างไรก็ตาม หน้าที่สำคัญของดีเอสไอ จะรับผิดชอบดำเนินการในคดีพิเศษ โดยเงื่อนไขคดีพิเศษ คือ 1. คดีที่ซับซ้อน ยุ่งยาก 2. คดีที่ขัอต่อความสงบเรียบร้อยอย่างรุนแรงต้อความมั่นคงหรือระบบเศรษฐกิจ การคลังกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 3. อาชญากรรมข้ามชาติ หรือองค์การอาชญากรรม 4. คดีผู้มีอิทธิพล และ 5. คดีที่ผู้กระทำความผิดเป็นฝ่ายปกครอง หรือ ตร.ชั้นผู้ใหญ่ กระทำความผิด หมายเหตุ: ดูหน้าที่สำคัญของดีเดสไอเพิ่มเติม https://ilaw.or.th/node/1441