หลัง ดร.มานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT องค์กรต้านโกงออกโรงแสดงความชื่นชมและเห็นด้วยกับสิ่งที่ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” ออกมาแฉเรื่องล็อคสเปก - ฮั้วประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ประเทศชาติอาจต้องเสียประโยชน์หลายหมื่นล้าน (78,000-85,000 ล้านบาท) หากรัฐบาลยังคง “ดั้นเมฆ” ไฟเขียวให้กับการประมูลโครงการนี้
พร้อมกับออกมาสัพยอกกระทรวงคมนาคม และผู้บริหาร รฟม. ที่เอาแต่อ้างว่า การประมูลโครงการนี้โปร่งใส เพราะมีตัวแทนประชาชนตาม “โครงการข้อตกลงคุณธรรม” ร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ด้วย ก่อนจะออกมาเปิดโปงซ้ำว่า ทั้งหมดก็แค่ “มหกรรมปาหี่” หรือการดำเนินการตามพิธีกรรมเพื่อให้โครงการได้ชื่อว่า ปฏิบัติตามข้อตกลงคุณธรรมเท่านั้น
แต่ในข้อเท็จจริงตัวแทนภาคประชาชนที่เข้ามาทำหน้าที่สังเกตการณ์อิสระถูกจำกัดบทบาทและสิทธิ์การมีส่วนร่วม การรับรู้ข้อมูลอีกหลายประการ เพราะทุกอย่างถูกจัดฉากดำเนินการเอาไว้เบ็ดเสร็จหมดแล้ว ตัวคณะผู้สังเกตุการณ์อิสระที่เข้ามาก็เข้ามาในภายหลัง แทบจะไม่มีโอกาสได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเลย
ข้อตกลงคุณธรรม จึงถูกจำกัดเพียงแค่ขั้นตอนการหาผู้ร่วมลงทุนหรือการประมูลเท่านั้น แต่ขั้นตอนการร่างสัญญา การทำหรือแก้ไขสัญญา การดำเนินการให้เป็นตามสัญญา (บริหารสัญญา)จนเสร็จสิ้นโครงการ ถูกตัดออกไป คณะผู้สังเกตการณ์อิสระทั้ง 5 ท่านจึงปฏิบัติหน้าที่โดยครบถ้วน ตามกรอบอำนาจ และเงื่อนไขที่ถูกจำกัด ด้วยข้อมูลเท่าที่รู้เห็นและเขายอมเปิดเผยมาเท่านั้น
พร้อมกันนี้ เลขาธิการองค์กรต้านโกงยังออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการตรวจสอบเบื้องหน้าเบื้องหลังการดำเนินโครงการนี้ แล้วรายงานต่อประชาชนโดยเร็ว กับให้คณะกรรมการ พีพีพี คณะกรรมการ รฟม. คณะกรรมการคัดเลือกฯ บุคคลที่เป็นกรรมการทุกคนที่เกี่ยวกับโครงการนี้ ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นให้สมกับตำแหน่ง เงินเดือน เบี้ยประชุม และทุกสิ่งที่ได้ไป
เห็นสิ่งที่นายชูวิทย์และเลขาธิการองค์กรต้านโกงออกมาลุยไฟเปิดโปงโครงการนี้อย่างถึงพริกถึงขิงแล้ว (ยังมี ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. อีกรายที่ลุยไฟโรงการนี้มาก่อนใคร ในฐานะวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านโครงการระบบขนส่งขนาดใหญ่อีกดคน) ก็ให้นึกเลยไปถึง “ผู้เฒ่า” เจ้าสำนักข่าวออนไลน์ที่ไม่รู้ไปเมากัญชาหนัก เพราะสำนักข่าวตั้งอยู่ใกล้ถนนข้าวสารหรือไรก็ไม่ทราบ ถึงกระโดดออกมาถือหางข้างกระทรวงคมนาคม และ รฟม. ประเภทยืนยัน นั่งยัน การันตีเขาดำเนินการมาถูกต้องแล้ว เรียกร้องให้ประชาชนคนไทยสมควรยอมรับ
จะให้คนไทยยอมรับ “ส่วนต่างราคา” หลายหมื่นล้าน (78,000-85,000 ล้าน) กับเม็ดเงินผลประโยชน์อีกหลายแสนล้านที่ประเทศต้องชวดไปหรือสูญเสียไปกับ ”มหกรรมปาหี่” ประมูลโครงการนี้หรือ? เพียงเพราะข้ออ้างของฝ่ายบริหาร รฟม.และกระทรวงคมนาคมที่ว่า โครงการมีความล่าช้าและเส้นทางการประมูลถูกต้องโปร่งใส ดำเนินการตามกฏหมายและอำนาจที่มีแล้ว
ทั้งที่เส้นทางประมูลโครงการเต็มไปด้วยข้อพิรุธ และความอื้อฉาวยาวเป็นหางว่าวฃอย่างนั้นหรือ?
หรือไปอ้างให้เคาพคำตัดสินของศาลในเมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินแล้ว ก็ควรต้องเคารพและยอมรับ แต่ก็อย่างที่นายชูวิทย์ศอกกลับไปยัง “เสี่ยโอ๋” เจ้ากระทรวงคมนาคมนั่นแหล่ะ ที่มาที่ไปของคำวินิจฉัยที่ออกมานั้น สวนความเป็นจริงและความรู้สึกชางบ้านร้านรวงแค่ไหนทุกฝ่ายต่างรู้แก่ใจกันอยู่
มิหนำซ้ำตัวเจ้ากระทรวงคมนาคมเองได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลหรือยัง? เพราะขนาดศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดไปตั้งแต่ปีมะโว้เรื่องของที่ดินเขากระโดง 5,000 ไร่ ว่า เป็นที่ดินของการรถไฟฯ (คดีหมายเลขแดงที่ 842-872/2560 และที่ 8027/2561) จนป่านนี้ยังยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก โยนเรื่องกันไปมาว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจเพิกถอนที่ดิน 5,000 ไร่ และที่แปลงเจ้าปัญหาดังกล่าว
ยังมีหน้าจะมาเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยต้องเคารพคำพิพากษาของศาลกันอีกหรือ?
ส่วนที่ไปเรียกร้องให้ ป.ป.ช. ต้องเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการประมูลโครงการนี้ ประสาคนทำสื่อมาชั่วชีวิตของ “แก่ง หินเพิง” นั้นบอกตามตรงว่า ไม่เชื่อถือเครดิตองค์กรนี้แม้แต่กระผีก ว่าจะล้วงลูกลงมาตรวจสอบเรื่องแบบนี้ได้หรือ กว่าจะตรวจสอบได้ก็คงเกินเวลาเกิน 5 ปี 10 ปี เผลอๆ ผู้ถูกร้องตายไปเกิดใหม่ ป.ป.ช. ก็อาจยังสอบไม่ถึงไหน อย่างทุจริตโครงการปาล์มอินโดเป็นหมื่นล้านของ ปตท.สผ. เป็นตัวอย่าง ไม่รู้เลยกำหนดปิดจ๊อบตามระเบียบกฏหมาย ป.ป.ช. มาไม่รู้กี่รอบแล้ว ขนาดผู้บริหารระดับสูงคนใน ป.ป.ช. ด้วยกันเองวันนี้ยังสาวไส้ขดฟ้องกันนัวเนียอยู่เลย
ถึงวินาทีนี้กล่าวได้ว่า หนทางที่ รฟม. และคมนาคม จะ "ดั้นเมฆ" กระเตงผลประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.427 แสนล้าน ที่ประกาศผลไปตั้งแต่ 8 ก.ย.65 หรือเมื่อกว่า 6 เดือนที่แล้ว ฝ่ากระแสต้านสังคมเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) “รับเบอร์แสตมป์” นั้นคงยากยิ่งกว่า "เข็นครกขึ้นเขา" แล้ว
หนทางในการ "ผ่าทางตัน" โครงการนี้เพื่อตัดปัญหาผลประโยชน์คละคลุ้งท่วมโครงการนี้จริงๆ จึงมีเพียงการ “ล้มประมูล” และ "ล้างไพ่" กลับไป Set Zero ดำเนินการเปิดประมูลโครงการใหม่ ดังที่ “เสี่ยโอ๋ - นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เคยประกาศเอาไว้ตั้งแต่ปีก่อนนั่นแหล่ะ
แต่การเปิดประมูลใหม่ที่ว่า ต้องไม่ใช่การนำเอาโครงการก่อสร้างสายสีส้มตะวันตก มูลค่า 96,000 ล้าน (ราคากลาง) ไป “มัดตราสัง” พ่วงไว้กับการจัดหาเอกชนเข้ารับสัมปทานลงทุนระบบรถไฟฟ้าและให้บริการเดินรถไฟฟ้า แต่ต้องแยก 2 โครงการนี้ออกจากกัน เพราะการพิจารณาคัดเลือก 2 โครงการนั้นแตกต่างกันคนละโยชน์
การประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกนั้น รฟม. ต้องการหาผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีศักยภาพ ประสบการณ์ก่อสร้างที่ชี้วัดกันที่ราคาก่อสร้าง "ต่ำสุด" เป็นเกณฑ์ชี้ขาด แบบเดียวกับการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสายสีส้มตะวันออกที่ดำเนินการไปก่อนหน้า จนผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จไปแล้วถึง 98% รอแค่ปิดหัวเสาส่งมอบโครงการให้ รฟม. เท่านั้น หรือสายสีม่วงใต้ เตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก หรือสายสีอื่นๆ ของ รฟม.
รฟม. จะตั้งราคากลางไว้เท่าเดิม 96,000 ล้านบาท หรือปรับราคากลางขึ้นไปเป็นแสนล้าน อยากจะไปตั้งเกณฑ์พิสดารอะไรอีก ก็เป็นเรื่องที่ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเคลียร์หน้าเสื่อกันเอง เพราะแต่ละโครงการที่ รฟม.และคมนาคม ดำเนินการไปก่อนหน้าก็ไม่เคยเกิดปัญหา ทุกโครงการประมูลออกไปได้ต่ำกว่าราคากล่างแบบเฉียดฉิว แบบ “เส้นยาแดงผ่าแปด” ด้วยกันทั้งนั้น !!!!
ส่วนการประมูลหาเอกขนเข้ารับสัมปทานเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ที่จะมาเดินรถไฟฟ้าระยะยาว 30-50 ปีนั้น สามารถแยกออกมาดำเนินการเป็นเอกเทศได้โดยไม่เกิดปัญหา เพราะขี้ขาดการประมูลกันที่ข้อเสนอผลตอบแทนต่อรัฐ "สูงสุด" เป็นเกณฑ์ เอกชนรายใดเสนอผลตอบแทนแก่รัฐสูงสุดก็เป็นผู้ชนะประมูลไป และผู้ที่ได้สัมปทานเดินรถก็สามารถลุยดำเนินโครงการได้ทันที เพราะในส่วนของสายสีส้มตะวันออกนั้น ก่อสร้างเสร็จไปแล้ว 98% เหลือแค่ปิดหัวเสาอย่างที่บอก สามารถที่จะติดตั้งระบบรถไฟฟ้าและนำขบวนรถเข้ามาให้บริการได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 24-36 เดือน อย่างแน่นอน
ก็มีแต่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ รฟม. สามารถตัดปัญหาทั้งมวลไปได้ ไม่ว่าจะเป็นความไม่ชัดเจนในการกำหนดเกณฑ์ขี้ขาดผู้ชนะประมูล ที่เกิดจากการ “มั่วตุ้ม” สร้างเกณฑ์พิจารณาคัดเลือก ตีกันผู้รับเหมาจากทั่วโลกเข้าประมูล หรือไปแก้เกณฑ์ปั้นผู้รับเหมาขึ้นมาเป็นคู่เทียบในการเสนอราคารแข่งขันทั้งที่ขาดคุณสมบัติ และอะไรต่อมิอะไรอีกพะเรอเกวียน
ก็คงมีแต่แนวทางนี้เท่านั้น ฯพณฯ บิ๊กตู่ ที่เคารพ จึงจะ "ผ่าทางตัน" การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ติดหล่มมานานนมนี้ไปได้ เพราะหากยังคงดั้นเมฆจะกระเตง “เผือกร้อน” ฝ่าด่าน ครม. และสังคมอยู่ต่อไป ก็เห็นทีประชาชนคนไทยอาจหาวเรอไปถึงชาติหน้าแน่ !!!
ต่อให้ฝ่าด่าน “ศาลปกครองสูงสุด” มาได้ ก็ยังต้องเจอด่าน ป.ป.ช. (ปก-ปิด-แช่) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังตั้งแท่นสอบกันข้ามภาพข้ามชาติอยู่อีก เชี่อเหอะ ผมเรียนมา!!!
แก่ง หินเพิง
หมายเหตุ: อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม..
- เนตรทิพย์: Special Report
แกะรอย “มหกรรมปาหี่” ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม : ขบวนการปล้นสะดมภาษี ปชช. แสนล้าน?
http://www.natethip.com/news.php?id=6364
- เนตรทิพย์: Hot Issue
โซเชียลถล่มกระบวนการยุติธรรมถึงจุดเสื่อม - หลัง “เฮียชูวิทย์” ดับเครื่องชนแฉอุ้มขบวนการปล้นชาติ - ด้าน รฟม. ยันประมูลสายสีส้มไร้ทุจริต - ไร้เงินทอน 3 หมื่นล้าน
http://www.natethip.com/news.php?id=6411
- เนตรทิพย์: Special Report
ย้อนรอย “ไทม์ไลน์” เส้นทางประมูลสายสีส้ม... กับข้อกังขาที่(ยัง)ไร้คำตอบ?
http://www.natethip.com/news.php?id=6429
- เนตรทิพย์: Hot Issue
แน่ใจนะ ??? จะไม่นำสายสีส้มเข้า ครม. จนกว่าศาลฯ จะตัดสินถึงที่สุด
http://www.natethip.com/news.php?id=6421
- เนตรทิพย์: Special Report
ย้อนรอย “ไทม์ไลน์” เส้นทางประมูลสายสีส้ม... กับข้อกังขาที่(ยัง)ไร้คำตอบ?
http://www.natethip.com/news.php?id=6429
- เนตรทิพย์: Hot Issue
องค์กรต้านโกงชื่นชม "ชูวิทย์" เปิดโปงสายสีส้ม - ซัด คมนาคม-รฟม. อย่ามาตีขลุมผ่านข้อตกลงคุณธรรม - คณะผู้สังเกตการณ์ถูกปิดหู-ปิดตา แค่พิธีกรรมเท่านั้น
http://www.natethip.com/news.php?id=6433