จ่อจะเป็นแม่สายบัวรอเก้อ!
สำหรับบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด(มหาชน) หรือ NYT ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ A5 แหลมฉบังที่โดนควันหลงจากกรณี "ค่าโง่" รถและเรือดับเพลิง กทม.มูลค่ากว่า 6,600 ล้านที่จัดซื้อมาจากบริษัท สไตเออร์เดมเลอร์-พุคสเปเชียล ฟาห์ซอยฯ แห่งออสเตรีย ตั้งแต่ปีมะโว้
เพราะรถดับเพลิงและรถกู้ภัยล็อตแรกจำนวน 139 คัน ที่ถูกส่งเข้ามายังท่าเทียบเรือ เทกอง A5 แหลมฉบังของ NYT ตั้งแต่ปี 2550 นั้น ถูกเทจาก กทม. มานับทศวรรษ ด้วยเหตุที่ กทม. มัวไประอุศึกเลือดกับบริษัทสไตเออร์คู่สัญญา ด้วยข้ออ้างมีการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจึงไม่สามารถจะตรวจรับสินค้าได้ ก่อนจะเดินหน้ายกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย
สุดท้ายกลายเป็น กทม.เองที่ต้อง “หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ” เพราะหลวมตัวเสียค่าโง่จ่ายเงินไปให้เอกชนเขาเกือบสุดทางแล้ว กลับจะมาฟ้อนเงี้ยวเกรี้ยวกราดบอกเลิกสัญญาเขา และเมื่อบริษัทเอกชนคู่สัญญานำเรื่องขึ้นฟ้องอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (ICC) จนนำมาซึ่งกระบวนการไต่สวนอย่างถึงพริกถึงขิง สุดท้ายอนุญาโตตุลาการฯ ชี้ขาดให้ กทม. ต้องจ่ายเงินค่าสินค้าทั้งหมดให้แก่คู่สัญญา และต้องรับมอบรถและเรือดับเพลิงที่ตนเอาเอาไปตากแดดกรำฝนอยู่บริเวณลานจอดรถในท่าเรือแหลมฉบังต่อไป
แต่กระนั้น NYT ก็งานงอก โดนควันหลงจากกรณีดังกล่าวจนแทบจะเสียศูนย์ เมื่อบริษัทได้เรียกร้องค่าจอดรถและค่าดูแลรับฝากรถดับเพลิง กทม.ที่อยู่ในความดูแลของบริษัทมานับทศวรรษจำนวนนับพันล้านบาท แต่กทม.กลับงัดลูกเล่น จะขอนำรถดับเพลิงเจ้าปัญหาออกมาซ่อมใช้งานก่อน พร้อมยื่นโนตี๊สไปยังบริษัทว่า เป็นยุทธภัณฑ์ด้านความมั่นคง เป็นทรัพย์สินของรัฐที่ยังไงก็ต้องขอนำออกมาใช้ก่อน
สุดท้าย บริษัทนามยงฯ ต้องนำเรื่องขึ้นฟ้องศาลถึง 2-3 ระลอก เพราะครั้งก่อนที่นำเรื่องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 400 กว่าล้านบาทนั้น ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศได้ยกคำร้องไปเนื่องจาก กทม.ยังไม่แสดงตนเป็นเจ้าของสินค้า จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นเจ้าของ จนกระทั่งเมื่ออนุญาโตตุลาการฯ ชี้ขาดคดีค่าโง่รถดับเพลิง กทม.ออกมาจนทำเอา กทม.หน้าแหกเป็นริ้วขบวน จึงได้แสดงตนขอรับสินค้าคืนแบบจะขอ “ยึด” เอามันดื้อๆ นั่นแหล่ะ
คราวนี้เลยเจอ NYT ยื่นฟ้องศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายชุดใหญ่ไฟกระพริบไปถึง 1,040 ล้านบาท + บวกดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งนัยว่าหากคำนวณเงินค่าจอดและดูแลมาถึงปลายปีที่แล้ว ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายพยายามเจรจาเกี้ยเซี้ยะกันนอกศาลนั้น ยอดเงินค่าเช่าและค่ารับฝากรถดับเพลิง 139 คัน ที่ตกวันละ 227,000 บาทนั้น ก็ทะลักมาเกือบ 1,500 ล้านบาทแล้ว แต่เมื่อ กทม.ส่งเถ้าแก่มาสู่ขอแล้วก็เงียบหาย นัยว่าวันนี้ยอดเงินค่าจอดและดูแลรถดับเพลิงเจ้าปัญหานั้นทะลักขึ้นไปเกือบ 2,000 ล้านบาทแล้ว
จ่อจะเป็น “ค่าโง่ดับเบิ้ลโง่” เรียกแขกให้งานเข้า กทม.อีกระลอก!
ก็ต้องฝากเตือนไปยัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. และผู้บริหาร กทม.ชุดปัจจุบัน ที่ยังคง ”ซุกปัญหาใต้พรม” หรือคิดแต่จะช่องทางในอันที่จะกินตับ NYT โดยนำรถดับเพลิงเจ้าปัญหาออกไปแบบไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหรือจ่ายแค่ 100-200 ล้านบาทอย่างที่เคยยื่นเงื่อนไขมาก่อนหน้านี้
ระวังค่าโง่รถดับเพลิง กทม.มันจะเจริญรอยตาม “ค่าโง่โฮปเวลล์” ที่กำลังทำเอาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หน้ามืดหืดจับอยู่ในเวลานี้ เพราะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้จ่ายชดเชยความเสียหายแก่คู่สัญญากรณีที่ไปบอกเลิกสัญญาเขาโดยไม่ถูกครรลองแห่งสัญญาจำนวน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 มาตั้งแต่ปีมะโว้ 2551
แต่เพราะฐิติคนรถไฟฯ มัวท่องแต่ตำรายังไงรัฐก็ไม่ผิด ทิ้งเรื่องให้มันคาราคาซังและปล่อยให้เอกชนไปฟ้องหัวเอาเอง ท้ายที่สุด 10 ปีให้หลัง ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ให้การรถไฟฯ และกระทรวงคมนาคมต้องจ่ายชดเชยความเสียหายแก่บริษัทเอกชนคู่สัญญาเกือบ 24,000-25,000 ล้านบาทแล้ว
กรณีเงินค่าเช่าและค่ารับฝากดูแลรถดับเพลิง กทม. 139 คันนี้ก็เช่นกัน หาก กทม. ยังฟ้อนเงี้ยว “ยักตื้นติดตึก ยักลึกติดกัก” ยื้อเรื่องออกไปอีก ระวังเงินชดเชยความเสียหายจากค่าเช่าลานจอด มันจะทะลักจนเกินค่าโง่รถดับเพลิงเอา
ยิ่งในสภาพการณ์เศรษฐกิจที่กำลังสลึมสะลือ ธุรกิจน้อยใหญ่ต่างกำลังหืดจับหายใจไม่ทั่วท้อง แถมดอกเบี้ยในตลาดเงินอยู่ในห้วงขาลงแบบนี้ ก็ลองคำนวณดูเอาหากบริษัท NYT ได้เงินชดเชยความเสียหายจากค่าจอดรถและค่าดูแลรถดับเพลิงเจ้าปัญหา 2,000 ล้านบาท กลับไปฝากแบงก์หรือสถาบันการเงินก็คงได้ดอกเบี้ยอย่างดีไม่เกิน 2-2.5% แน่
สู้นอนแถกเหงือกรอให้ กทม. เล่นเกม “บ้องตื้น” ประวิงเวลาจ่ายค่าโง่ออกไปให้เนิ่นนานเท่าไหร่ได้ ก็ยิ่งเข้าทาง เพราะยังไงเสีย บริษัทเอกชน NYT นั้นยังไงก็ปูเสื่อนอนตีพุงรอบันทึกรายได้ที่เป็นลาภก้อนใหญ่อยู่วันยังค่ำ จริงไม่จริง!!