เตรียมทุ่มงบลงทุนอีก 3.5 หมื่น ลบ. รุกขยายโครงข่าย 5G เพื่อคนไทย
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เอไอเอส ได้เปิดตัวบริการ 5G ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้คนไทยทุกพื้นที่ได้รับประสบการณ์ครบถ้วน จากแพ็กเกจและดิจิทัลคอนเทนต์ ประกอบด้วย แพ็กเกจ AIS 5G Max Speed แพ็กเกจ 5G แรกของไทย ด้วยความเร็วอินเตอร์เน็ตถึง 1 Gbps เมื่อใช้งานผ่านเครือข่าย AIS 5G รวมถึง AIS 5G Application อย่าง AIS 5G PLAY AR, AIS 5G PLAY VR และ AIS 5G Cloud Game ให้ลูกค้าเอไอเอสได้สัมผัสประสบการณ์ 5G ได้ตามแบบไลฟ์สไตล์ของตัวเอง
ส่วนผลประกอบการของเอไอเอสในไตรมาส 3 มีรายได้รวม 41,715 ล้านบาท ลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในตลาดที่ 40.9 ล้านเลขหมาย เป็นลูกค้าระบบรายเดือน 9.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 235,000 รายจากไตรมาสก่อน และมีลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.2 ล้านราย ลดลง 313,000 ราย โดยมีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี และส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจต่อเนื่องมายังไตรมาส 3 ส่วนการใช้งานดาต้าเฉลี่ยอยู่ที่ 17.2 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 1.3% และสัดส่วนลูกค้าที่ใช้ 4G ยังเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องเป็น 76% ของฐานลูกค้าทั้งหมด
ส่วนธุรกิจอินเตอร์เน็ตบ้าน ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 53,000 ราย ส่งผลให้มีลูกค้ารวม 1.26 ล้านราย และมีรายได้จากธุรกิจเน็ตบ้าน 1,785 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าจะมีลูกค้ารวมไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้
ด้านธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรเติบโตสูงต่อเนื่องจากความต้องการใช้บริการ Cloud, Data Center และ IT Solution ที่เพิ่มขึ้นด้วยความต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และเดินหน้าสร้างโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรด้วยขีดความสามารถโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
"ด้วยปัจจัยลบทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังภาคธุรกิจไทยในภาพรวม ทั้งกำลังซื้อที่อ่อนตัว และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรสำหรับการเตรียมพร้อมต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ เอไอเอส มีกำไรสุทธิ 6,764 ล้านบาท ลดลง 6.5 % เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยหากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ผลกำไรสุทธิทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน"
ทั้งนี้ เอไอเอสยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีการกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพียงพอต่อการลงทุนขยายโครงข่าย ทั้งบริการ 5G และ 4G รวมทั้งค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ ซึ่งบริษัทยังคงลงทุนต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานใน 9 เดือนแรก รวม 65,000 ล้านบาท และคงงบลงทุนทั้งปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 35,000 ล้านบาท
“การลงทุนเครือข่ายโดยเฉพาะ 5G ในปีนี้ เอไอเอส ไม่ได้มองแค่ผลประโยชน์ในระยะสั้น แต่เน้นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศไทย ที่จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้ ขณะที่ในระดับ Mass Scale อาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี ถึงจะเห็นประโยชน์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น”