กับกระบวนการสรรหา “กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ชุดใหม่ ที่สำนักเลขาธิการ วุฒิสภากำลัง “โม่แป้ง”เพื่อทดแทนกสทช.ชุดเดิมที่อยู่โยงเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ตามคำสั่ง ม.44 มากว่า 9 ปี จนกินเนสส์บุ๊คจะขึ้นทำเนียบเป็นกรรมการองค์กรอิสระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกไปแล้วตัวเต็ง 7 อรหันต์แต่ละสายเป็นใครกันบ้างนั้น คงเริ่มมองเห็นเค้าลางกันบ้างแล้ว แต่สำหรับรายนี้ ที่นัยว่าน่าจะนอนมาตั้งแต่(ในมุ้ง) มีชื่อเข้าไปสมัครก็คือ “ฐากร ตันฑสิทธิ์” อดีตเลขาธิการ กสทช. ที่ไขก๊อกลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ แต่ยังไม่ถึง 3 เดือนก่อนยื่นใบสมัคร จึงถูกมือดีหยิบยกไปประเด็นว่า ขัดคุณสมบัติเพราะลาออกจากตำแหน่งไม่ถึงขวบปีทั้งที่กรณีดังกล่าวคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเอาไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ว่า “เป็นเรื่องของบริษัทที่ประกอบธุรกิจ ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ หรือองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระสักหน่อย ส่วนบรรดานายสถานีวิทยุร่วม 400 สถานี ที่ถือเป็นสถานีหลักทั้งวิทยุกองทัพบก วิทยุสื่อสาร ทหารอากาศ ทหารเรือ วิทยุรัฐสภา หรือแม้แต่วิทยุ ปณ ของสำนักงาน กสทช.ที่รับโอนมาจากกรมไปรษณีย์โทรเลขนั้นไม่ถือเป็นธุรกิจ” เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วเป็นวิทยุเพื่อความมั่นคง หรือเพื่อบริการสาธารณะ จึงไม่เข้าข่าย หาไม่งั้นบรรดาเจ้ากรมทหารสื่อสาร นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ หรืออาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งหลาย แม้แต่ “เสธ.ไก่อู” มีหวังโดนหางเลขปลิว ๆ ๆ กันเป็นทิวแถวปลดล็อคปัญหาคุณสมบัติข้างต้นไปได้นึกว่าจะจบ กลับมีข่าวถูกอดีต “ซูเปอร์บอร์ด กสทช.” หรือกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานสำนักงาน กสทช.(กตป.) ดอดไปยื่นฟ้องศาลทุจริตและประพฤติมิชอบอ้างว่า อดีตเลขาธิการ กสทช.และสำนักงาน กสทช. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีปรับเปลี่ยนประธานซูเปอร์บอร์ด (กปต.) โดยมิชอบ อ้างว่า ตนเองได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. มาอย่างถูกต้อง จู่ ๆ กลับถูกปรับเปลี่ยนโดยมิชอบ จึงต้องยื่นฟ้องกราวรูด ทำเอาอดีตเลขาธิการ กสทช.ได้แต่ส่ายหน้าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้รอดสายตากระจิบกระจอกข่าวนับร้อยไปได้อย่างไร ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมายืนยัน นั่งยันว่า “สิ่งที่ดำเนินการไปคือ การนำเรื่องร้องเรียนเรื่องประธานซูเปอร์บอร์ด หรือ กตป. เข้าที่ประชุมที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ซึ่งก็มีข้อสรุปให้จ่ายค่าตอบแทนกรรมการ กตป. เท่ากันไปจนกว่าจะมีข้อยุติเรื่องประธาน กตป. ไม่ได้มีอะไรที่เกินกรอบกฎหมาย หรือขัดกฎหมาย” จึงไม่เข้าใจ งานนี้ผู้ที่ออกมาร้องแรกแหกกระเชอต้องการอะไรกันแน่!ส่วนใครที่ไปยื่นฟ้องเท็จ หรือให้การเท็จกับศาลพาดพิงตนเองจนงานเข้า ก็คงต้องไปจบที่ศาลอาญาเช่นกัน เพราะเรื่องแบบนี้จะมาเล่นเอาเถิดไม่ได้ จับตาดูให้ดีงานนี้มีสิทธิโดนฟ้องกลับข้อหาใส่ความเท็จให้ร้ายผู้อื่น!