ถึงบางอ้อ! เหตุที่เงินบาทของไทยแข็งค่า หลุดต่ำกว่า 30 บาท/ดอลลาร์ เพราะรอ...ดีล “เจ้าสัวไทย” เปิดปฏิบัติการเทคโอเวอร์กิจการข้ามชาติ รวมถึงไล่ซื้อกิจการของเพื่อนบ้านอาเซียนถึงบางอ้อ! กันรึยัง? เหตุใดค่าเงินบาทของไทย ถึงได้แข็งค่าสุดๆ ชนิด “มีหลุด!” ต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กันแล้ว เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน...ต่อเนื่องสัปดาห์นี้ว่ากันว่า...มีคนหลายกลุ่มที่สูญเสียผลประโยชน์จากการที่เงินบาทแข็งค่ามากๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 2 ใน 4 ตัว และคอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้า ตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาแม้ว่ายามนี้...เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศคู่ค้ารายสำคัญของไทย ต่างประสบปัญหาเดียวกัน! นั่นคือ...ซมพิษเศรษฐกิจมาตั้งแต่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในช่วงกลางปี 2560 ถึงปลายปี 2562ต่อด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ช่วงต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มจะลากยาว...หาจุดสิ้นสุดไม่เจอผลกระทบจากปัญหาไวรัสโควิดฯ จัดว่ารุนแรงและสร้างเสียหายต่อเนื่องได้ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติแต่นั่น...ก็ยังพอมีช่องทางให้การส่งออกสินค้า ประเภท...อาหารและวัตถุดิบจากไทยไปยังตลาดต่างๆ ได้บ้าง กระทั่งเงินบาทแข็งค่านั่นแหละ ที่สร้างแรงเหวี่ยงและผลกระทบได้รุนแรงพอๆ กัน หรืออาจจะมากกว่าปัญหาโควิดฯ ด้วยซ้ำเรื่องการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ...ไม่ต้องพูดถึง! การแพร่ระบาดไวรัสโควิดฯ รอบใหม่ เมื่อถูกผสมโรงจากปมเงินบาทแข็งค่า ก็คงต้องปล่อยทิ้งกันไปที่ รัฐบาลไทย โดยเฉพาะ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง คาดหวังจะตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งปี 2563 อยู่ที่ 8 ล้านคน และจะเพิ่มปีละ 2 เท่าตัว จนครบ 40 ล้านคนในอีก 4-5 ปี จึงเป็นเรื่องของการ “เพ้อฝัน”เมื่อ 2 เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจประสบปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อ “ห่วงโซ่” ธุรกิจอื่นๆ ตามมา ไล่ตั้งแต่...ภาคเกษตรกร ภาคการผลิต ภาคบริการ สารพัด...คนกลุ่มใหญ่ในประเทศกว่าร้อยละ 99 สูญเสียประโยชน์ รวมถึง...รัฐบาลไทยและประเทศไทย แล้วใครกัน? ที่ได้ประโยชน์จากการที่เงินบาทแข็งค่า...สำนักข่าว “เนตรทิพย์” ขอเฉลย...พวกที่ได้ผลประโยชน์จากการที่เงินบาทแข็งค่า ก็คือ...พวกนำเข้า โดยเฉพาะธุรกิจน้ำเข้านำมันดิบ, เครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้าง รวมถึงสินค้านำเข้าอื่นๆ เพราะเมื่อเงินบาทแข็งค่า ราคาสินค้าจากต่างประเทศ ก็ถูกลง...ตรงนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะโลกความเป็นจริง...เมื่อเงินบาทอ่อนค่ามากๆ ย่อมส่งผลดีต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย กลับกัน...หากเงินบาทแข็งค่า คนกลุ่มนี้...ก็จะสูญเสียประโยชน์ และกลุ่มคนที่ประโยชน์ ก็คือ กลุ่มที่นำเข้าสินค้าหลักๆ และหนักๆรวมถึงคนกลุ่มนี้? ที่ว่ากันว่า...มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยเพราะ...สนิทสนมคุ้นเคย และคุ้นชินกันมายาวนาน แถมยังเป็น “ทุนใหญ่สำคัญ” สนับสนุนให้กับ “คนสำคัญ” ในรัฐบาลชุดนี้ มาตั้งแต่สมัยยังรับราชการกันอยู่กลุ่มคนที่ว่านี้ก็คือ...บรรดาเจ้าสัวและนักธุรกิจรายใหญ่ ที่ขนเงินบาทไปลงทุนในต่างแดน รวมถึงเข้าไปซื้อกิจการของ “ธุรกิจข้ามชาติ” เช่น ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ระดับโลก นั่นเองข่าวที่กลุ่มทุนไทย...ชนะการประมูลและสามารถซื้อกิจการห้างเทสโก้ฯ จาก “กลุ่มเทสโก้” ของอังกฤษ ในประเทศมาเลเซียและไทย ด้วยวงเงินมากกว่า 3.38 แสนล้านบาทหรือข่าวที่ บรรดามหาเศรษฐีและนักลงทุนไทยต่างพาเหรดเข้าซื้อกิจการในเวียดนามอย่างบ้าระห่ำ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่การเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของธุรกิจเบียร์ Sabeco มูลค่า 1.53 แสนล้านบาท นี่ยังไม่รวมกิจการที่ทุนไทยกลุ่มนี้...แอบเข้าไปซื้อกิจการ Vinamilk และ Metro supermarket ก่อนหน้านี้อีกเครือยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของไทย ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ควักเงินราว 1 3.8 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการ Big C Vietnam จากกลุ่ม Casino Group ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ทุนกลุ่มนี้ก็ใช้เงินเข้าซื้อหุ้น 49% ของกลุ่ม Nguyen Kim ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของเวียดนามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด? แต่การใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาล ไล่ซื้อกิจการและเข้าลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มทุนไทยย่อมได้ประโยชน์สูงสุด ในวันที่เงินบาทแข็งค่า...เพราะพวกเขาจะใช้จ่ายเงินได้ถูกลงเมื่อสาวไส้...ไล่ลากสายระโยงรยาง ระหว่าง “สาแหรก” ผลประโยชน์ในทางการเมือง ที่กลุ่มทุนใกล้ชิดรัฐบาลชุดปัจจุบัน เร่งดำเนินการในช่วงนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจ...หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการเงินของไทย จะปล่อยให้เงินบาทแข็งค่า ในช่วงที่การดีลธุรกิจ “เทคโอเวอร์” ยังไม่แล้วเสร็จจนกว่าภารกิจนี้จะเสร็จสิ้นนั่นแหละ ค่าเงินบาทของไทย จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติมองในแง่บวกก็ดีไปอย่าง...อย่างน้อย ธุรกิจสายพันธุ์ไทยก็สามารถสยายปีกครอบคลุมไปยังระบบเศรษฐกิจและการค้าของประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนแต่ในดีย่อมมีเสีย! เพียงแต่...คนที่ได้รับผลกระทบทางตรงจากการแข็งค่าเงินบาท จะรู้ประเด็นลึกๆ และกล้าพูดกันหรือไม่?