
ที่รัฐสอบตกยกแผง
ไม่ใช่แค่เรื่อง "ห่วยแตก" ของ SMS ที่ไปติดคอขวดที่ ปภ. และ กสทช. เท่านั้น
วิถีชีวิตผู้คน ไวท์คอลลาร์ คนทำงานในตึกรามที่กลับบ้านไม่ได้
เพราะรถไฟฟ้าหยุดให้บริการ รถแท็กซี่ สาธารณะทั้งหลาย รถเมล์ มินิบัส รถตู้ ติดหนึบเป็นอัมพาต
ที่ฉวยโอกาสหาแดก กลับเป็นวินมอเตอร์ไซด์ ที่ฉวยโอกาสปล้นคนทำงานที่จะกลับบ้านกันมันมือ
ที่เคยนั่งวินกัน 20-30-50 บาท หรือ 100-200 บาทเต็มที่ ก็โขกหนัก 500-800 บางรายเจอขูดไปถึง 1,000-2,000 ก็มีมาแล้ว
ที่ไม่มีกำลังจะให้โขกสับ หรือให้ปล้นก็ต้องยอมทนเดินจากสีลม ชิดลม มายังวิภาวดี หลักสี่ ดอนเมือง
บางคนออกจากที่ทำงานบ่าย 3 ถึงบ้านเที่ยงคืน ตี 1 ยังมี
เขาส่งข้อความว่าถูกปล้น ถูกขูดรีดกันท่วมโซเชียล หน่วยงานรัฐที่ต้องลงดูแลไปแก้ไขไม่มีเลย
จะมีทางเบี่ยง ทางเลือกอย่างไร ประชาสัมพันธ์คนไทยไม่ทิ้งกัน ตรงนั้นตรงนี้ต้องการจิตอาสา ต้องการคนมาช่วยเหลือเอารถมอไซด์ เอารถส่วนตัวมาช่วยเหลือกันยามยาก
ตรงจุดนั้น จุดนี้มีข้าวกล่อง มีน้ำดื่มบริการ
วินมอเตอร์ไซด์ แกร็บไบค์ หรือแท็กซี่ฉวยโอกาสกันนัก (ปราบไม่ไหว) ก็ต้องออกประกาศให้คนที่มีรถราพอจะช่วยเหลือกันออกมาเป็นจิตอาสา ออกมาช่วยเหลือกันยามยาก
หรือแม้แต่อนุญาตให้วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารชั่วคราว (ไม่ใช่การปล้นหรือขูดรีด) ก็ต้องทำทันที
ไม่ใช่ปล่อยทุกอย่างโกลาหล ไม่มีมาตรการรองรับ
ไม่มีช่องทางประชาสัมพันธ์ ไม่มีศูนย์ ช่วยเหลือยามวิกฤต ทุกอย่างปล่อยตามยถากรรม ตัวใครตัวมันจริงๆ
หวังว่าบทเรียนครั้งนี้ควรจะเป็นบทเรียนให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ตั้งหลัก จัดทัพจัดกระบวนกันใหม่
ไม่แน่ฟ้าฝนถล่มจนกรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองบาดาล ยิ่งกว่าน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ก็อาจเกิดขึ้นได้