ต้องย้ำหัวตะปู! กับบรรดาแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ว่า พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง คือ พรรคที่ได้จำนวน ส.ส. เข้าไปนั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด
ไม่ใช่พรรคได้จำนวนเสียงของประชาชนมากที่สุด เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีแบบทางตรง แต่ประชาชนเป็นคนเลือก ส.ส. เพื่อเป็นตัวแทน เข้าไปเลือกนายกฯ ในสภาฯ และคะแนนเสียงจากประชาชนได้นำมาคำนวณในระบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) จึงไม่ต้องนำมาอ้างอิงซ้ำอีก
ดังนั้น พรรคที่ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ คือ พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ ส.ส.เขตเข้ามามากที่สุด จำนวน 137 คน (ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ) นี่แค่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันแค่ 250 เขต เท่านั้น ถ้าส่งลงแข่งขันครบทั้ง 350 เขต พรรคเพื่อไทย น่าจะได้จำนวน ส.ส. มากกกว่านี้
พรรคเพื่อไทย จึงมีความชอบธรรมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพันธมิตรในซีกประชาธิปไตย ประกอบด้วย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ รวมเสียง ส.ส. ตอนนี้เฉียดๆ 250 คน ซึ่งยังไม่พอ! เพราะต้องได้เกินครึ่งของจำนวน ส.ส.ในสภาฯทั้งหมด 500 คน
พรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ มีเป้าหมายตรงกัน 3 เรื่องด่วน คือ 1. สกัดการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2. ปิดสวิตซ์ ส.ว. และ 3. แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ยังมีเรื่องที่ 4 พ่วงเข้ามาด้วย นั่นคือการปฏิรูปกองทัพ!
แต่เสียง ส.ส. แค่ 4 พรรค ยังไม่พอ! ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องดึงพรรคเล็กๆ อีก 3-4 พรรคเข้ามาร่วมด้วย เพื่อให้มีแต้มต่อด้วยเสียง ส.ส.เกิน 251 คน
หลังจากนั้นจึงจะเปิดเกมเต็มรูปแบบ เพื่อดึงพรรคใหญ่เข้ามาร่วมอีก เช่น พรรคภูมิใจไทย ที่มี ส.ส. ประมาณ 52 คน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพด้วยจำนวน ส.ส. ประมาณ 300 คน
ตอนนี้พรรคเพื่อไทยใช้กระแสสังคม บวกกับความชอบธรรม ในฐานะผู้ชนะการเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และถ้าไม่มีรายการพลิกโผ! จะเสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่คนใดก็คนหนึ่ง ขึ้นเป็นนายกฯ
แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเห็นว่าเสียง ส.ส. ยังปริ่มๆ พรรคเพื่อไทยก็พร้อมเสียสละ! ด้วยการเสนอเงื่อนไขงามๆ คือ เก้าอี้นายกฯ ให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
เพื่อให้นายอนุทินกลับไปนอนก่ายหน้าผากคิดให้รอบคอบ! ว่าจะเป็นแค่รองนายกฯ หรือรัฐมนตรีว่าการฯ อยู่ฝั่งพรรคพลังประชารัฐ หรือจะมาเป็นนายกฯทางฝั่งพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกันมีมุมหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ บอกกับ “เสือออนไลน์” ว่า ตอนนี้ในพรรคมีความคิดแตกออกเป็น 2 ก๊ก คือ ก๊กใหญ่ไม่อยู่กับพรรคเพื่อไทย แต่พร้อมอยู่กับทหาร และก๊กเล็กไม่อยากอยู่กับทหาร
โดยก๊กเล็กในประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นคนหนุ่ม ไม่อยากอยู่กับฝ่ายทหาร เนื่องจากตอนนี้ภาพพจน์ของพรรคกรณี ส.ส. สอบตกจำนวนมากก็ย่ำแย่อยู่แล้ว ถ้าไปร่วมกับพรรคที่ไม่ชนะการเลือกตั้งเพื่อตั้งรัฐบาล ชนิดที่ขัดกับมารยาททางการเมือง ภาพพจน์จะป่นปี้ไปกันใหญ่!
ใครบอกว่า “ภูมิใจไทย” และ “ประชาธิปัตย์” คือตัวแปรสำคัญของการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับการจะเลือกทางเดินว่าจะไปกับฝั่งไหน? เนื่องจากอนาคตของพรรคเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าฝั่งไหนได้เป็นรัฐบาลก็คงอยู่ได้ไม่นาน ต้องเลือกตั้งกันใหม่ เพราะกับดักของรัฐธรรมนูญ!
ดังนั้นอย่าเพิ่งคิดว่า “ประชาธิปัตย์” จะปิดประตูตายไม่เอา “เพื่อไทย” เนื่องจาก “ปาฏิหาริย์” มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ!!
โดย..เสือออนไลน์