สังคมโลกกำลังล้อมประเทศไทย เหมือนจัดการเลือกตั้งโชว์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของประเทศไทย ได้อย่างถูกจังหวะและเวลา!
โดยช่วงวันที่ 11 เม.ย. - 19 พ.ค.นี้ มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศอินเดีย ประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะมีจำนวนประชากร 1.34 พันล้านคน รองจากประเทศจีนที่ยังปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ และมีประชากร 1.39 ล้านคน คาดว่าอีกไม่กี่ปีประชากรอินเดียจะแซงจีน
จากจำนวนประชากร 1.34 พันล้านคนของอินเดีย จึงทำให้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งนี้กว่า 900 ล้านคน หรือมากกว่าสหรัฐอเมริกา “พี่เบิ้ม” ของโลกประชาธิปไตยถึง 4 เท่า โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ของอินเดียที่เพิ่งจะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกเที่ยวนี้ปาเข้าไปถึง 84 ล้านคน
อินเดียที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้น จึงต้องจัดการเลือกตั้ง 39 วัน เนื่องจากต้องแบ่งช่วงการเลือกตั้งออกเป็น 7 ช่วง โดยแต่ละรัฐจะเลือกตั้งในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ด้วยจำนวนหน่วยเลือกตั้งกว่า 1 ล้านหน่วย คนอินเดียจะลงคะแนนผ่านเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์กว่า 1 ล้านเครื่อง ที่ส่งไปตามหน่วยเลือกตั้งที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ในป่าเขาตามชายแดน และเทือกเขาห่างไกลทางภาคเหนือ หลังจากนั้นจากนั้นจะเริ่มนับคะแนนในวันที่ 23 พ.ค.62
แล้วทราบผลคะแนนในวันนั้นเลย ว่าใครจะได้เป็น ส.ส.บ้าง จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 543 คน
นอกจากรู้ผลเลือกตั้งเร็วแล้ว การเลือกตั้งในอินเดียครั้งนี้ “บัตรเสีย” คงแทบเป็นศูนย์ หรืออาจจะไม่มีเลย ที่สำคัญจะไม่มี ”บัตรผี บัตรเขย่ง” เหมือนในบางประเทศอย่างแน่นอน เพราะคนอินเดียลงคะแนนผ่านเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งแต่ละหน่วยเลือกตั้งจะมี 2 เครื่อง อีกเครื่องใช้งาน อีกเครื่องเป็นเครื่องสำรองกรณีฉุกเฉิน และไม่ต้องกลัวเรื่องไฟดับ เพราะมีแผนรับมือไว้อย่างเรียบร้อย
นอกจากการเลือกตั้งในอินเดีย เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 62 ยังมีการเลือกตั้งทั่วประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมุสลิมขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เพราะมีประชากรมากถึง 250 ล้านคน
อินโดนีเซียเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะ กระจัดกระจายอยู่จำนวนมาก มีหน่วยเลือกตั้งมากถึง 800,000 หน่วย ด้วยจำนวนผู้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 193 ล้านคน แต่อินโดนีเซีย จัดการเลือกตั้งแบบวันเดียวจบ! ทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ หลังปิดหีบเลือกตั้งประมาณ 2 ชั่วโมง
ดังนั้น จึงต้องยกนิ้วให้ทั้ง “อินเดีย” และ “อินโดนีเซีย” ที่เป็นมืออาชีพในการจัดการเลือกตั้งอย่างไม่มีปัญหา ทั้งที่มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่า 1,000 ล้านคน และรู้ผลการเลือกตั้งอย่างรวดเร็ว ตามความต้องการของประชาชนที่โหยหาประชาธิปไตย และตื่นตัวออกไปเลือกตั้ง เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เห็นการเลือกตั้งใน “อินเดีย” และ “อินโดนีเซีย” แล้วกลับมาชะเง้อ! การเลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 62 จากจำนวนประชากรไม่ถึง 70 ล้านคน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51.42 ล้านคน แต่ผ่านมาแล้วเกือบ 1 เดือน ยังไม่รู้ว่าแต่ละพรรคการเมืองจะได้ตัวเลข ส.ส.เขต (350เขตทั่วประเทศ) ที่ชัดเจนเมื่อไหร่
เนื่องจากต้องมีการเลือกตั้งซ่อมอีกหลายหน่วยเลือกตั้งใน 5 จังหวัด บางเขตมีผู้ร้องขอให้นับคะแนนใหม่ เพราะเกิดรายการ “บัตรเขย่ง” คะแนนของบางพรรคได้มากอย่างผิดสังเกต ว่าเป็นคะแนนที่มากกว่าคนมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างน่าสงสัย
หนักไปกว่านั้น กกต.ยังไม่รู้ว่าจะคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ทั้ง 150 คนอย่างไร?
กกต. จึงมีมติส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยพิจารณาหาทางออกให้…
นี่ยังไม่รวมปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ไปรับบัตรลงคะแนนของคนไทยในนิวซีแลนด์ไม่ทันเวลา จึงกลายเป็นบัตรเสีย ซึ่งยังไม่รู้ว่าใครต้องรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว
รวมทั้งกรณีการเลือกตั้งซ่อมอีกหลายหน่วย ซึ่งต้องมีการสอบสวนว่าใครต้องรับผิดชอบระหว่างคนคุมหน่วยเลือกตั้ง กับ กกต.
เพราะการเลือกตั้งซ่อมทำให้เสียงบประมาณ เสียเวลาของประชาชน ดังนั้นจึงต้องมีคนรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
เห็นการเลือกตั้งในอินเดีย-อินโดนีเซีย แล้วกลับมาดู กกต. ไทย ต้องบอกว่าเหมือนหนังคนละม้วน มือคนละชั้น อ่อนหัดจริงๆ!
โดย..เสือออนไลน์