เมื่อการเมืองไทยไม่นิ่ง เลือกตั้งผ่านไปแล้ว 1 เดือน 1 สัปดาห์ แต่ยังไม่จบ เพราะมีปัญหาต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย ยังไม่รู้ว่าจะได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อไหร่?
ปัจจัยอ่อนไหวทางการเมืองไทย จึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นในเรื่องการค้า การลงทุน การจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศ
เลือกตั้งผ่านมาแล้วกว่า 1 เดือน ไม่ต้องพูดถึงคนชั้นกลาง ลงไปถึงระดับล่างยังคงปากกัดตีนถีบ ทำมาหากินด้วยความยากลำบาก เพราะยังอยู่ในยุคของเงินหายาก!
ส่วนคนที่พอจะมีเงินบ้าง ไม่ถึงขั้นลำบาก แต่ก็ใช้สอยอย่างประหยัด และระมัดระวัง เนื่องจากยังไม่มั่นใจกับอนาคต
เมื่อสภาพเป็นแบบนี้ จึงฉุดเศรษฐกิจไทยให้ย่ำแย่ ไม่มีวี่แววว่า จะผงกหัวขึ้น ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย และการเมืองยังไม่นิ่ง
นักธุรกิจภาคอุตสาหกรรมส่งสัญญาณเมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยเหลือเพียง “เครื่องยนต์เดียว” เท่านั้น! นั่นคือ “ภาคการท่องเที่ยว” ที่ยังพอมีเม็ดเงินช่วงพยุงเศรษฐกิจไทย
ถ้าเครื่องยนต์ตัวนี้มีปัญหา หรือเกิดดับขึ้นมาเมื่อไหร่ คนไทยลำบากกันอย่างสาหัสอย่างแน่นอน!
ในส่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะมือเศรษฐกิจของรัฐบาลทหาร รู้ดีว่าเศรษฐกิจไม่ขยับไปในทิศทางบวก หลังเลือกตั้งผ่านมาแล้ว แต่เศรษฐกิจยังย่ำแย่ ชนิดที่เรียกว่าการลงทุน และการค้าขายเงียบสนิท!
ส่วนสินค้าเกษตรที่ขายพอได้ราคาดีบ้าง เห็นจะมีแค่ “ทุเรียน” ส่วนข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน แย่ทั้งหมด เกษตรกรจึงไม่มีกำลังซื้อ
สัญญาณเศรษฐกิจที่เป็นลบ! ทำให้รัฐบาลทหารนั่งไม่ติด! พยายามคิดหามาตรการต่างๆ ออกมาพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ตกต่ำไปมากกว่านี้
คิดไปคิดมา รัฐบาลทหารทำท่าจะแจกเงินคนละ 1,500 บาท เพื่อให้ท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยในเมืองรอง 55 จังหวัด เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจตามภูมิภาคขยับตัวขึ้นบ้าง
แต่พอมีข่าวว่ารัฐบาลทหารจะแจกเงินคนละ 1,500 บาท เพื่อให้ท่องเที่ยว กลับมีแต่เสียงโห่ฮา!
เนื่องจากคนส่วนใหญ่มองว่า ทุกวันนี้รัฐบาลทหารกำลังตูดขาด! งบประมาณรายจ่ายประจำปีขาดดุลมหาศาล แถมยังจ้องขูดรีดภาษีตามช่องทางต่างๆ หยุมหยิมไปหมด แต่รัฐบาลจะแจกเงินให้คนไปเที่ยว ซึ่งคงไม่ได้ผล
สุดท้ายรัฐบาลทหาร ต้องพับแผนแจกเงินให้คนไปเที่ยวออกไปก่อน โดยหันไปแจกจ่ายเงินให้กับคนจนที่ลงทะเบียนไว้
เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบประมาณ 13,200 ล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจช่วงกลางปี 62 ประกอบด้วย
1. เพิ่มเงินช่วยคนพิการ 200 บาท/คน/เดือน เป็นเวลา 5 เดือน ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ย.62 วงเงินรวม 1,160 ล้านบาท
2. ช่วยเหลือค่าครองชีพเกษตรกร 1,000 บาท/คน กลุ่มเป้าหมาย 4.1 ล้านคน รวมวงเงิน 4,100 ล้านบาท
3. ช่วยเหลือค่าครองชีพในส่วนค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมให้กับผู้มีรายได้น้อย 500 บาทต่อคน ให้กับบุตรผู้มีรายได้น้อย 2.7 ล้านคน วงเงิน 1,350 ล้านบาท
4. ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยเพิ่มเงินสำหรับซื้อสินค้าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็น 500 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน คือตั้งแต่ พ.ค.-มิ.ย.62 วงเงินรวม 6,600 ล้านบาท
ตราบใดที่ประชาธิปไตยไทยยังล้มลุกคลุกคลาน ประเทศและประชาชน จึงเสียเวลาและเสียโอกาสอยู่ร่ำไป ย่อมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและปากท้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งนับวันคนจนยิ่งเพิ่มขึ้น...เอวัง!!
เสือออนไลน์