ต้องบอกว่า “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เป็นนายทหารประเภท “จุดเดือดต่ำ” เพราะแค่ถูกนักการเมืองยั่วเพียงนิดเดียว ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งว่าจะปฏิรูปกองทัพ จะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และตัดงบกระทรวงกลาโหม ปีละ 10 % หรือประมาณ 2.27 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปสร้างเศรษฐีใหม่วัยหนุ่มสาว
เท่านั้นแหล่ะเป็นเรื่อง!
เมื่อ “บิ๊กแดง” แสดงอาการจุดเดือดต่ำ! ไล่ให้นักการเมืองไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”
กลายเป็นเรื่องราววิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในช่วงสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีการขานรับจากลูกพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้นักการเมืองไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ตามคำแนะนำของ “บิ๊กแดง”
เท่านั้นยังไม่พอ ในวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่รู้มีใครสั่งให้เปิดเพลงหนักแผ่นดิน ในสถานีวิทยุกองทัพบกกว่า 100 สถานีทั่วประเทศ รวมทั้งในค่ายทหาร แต่ช่วงบ่ายวันดังกล่าว ก็มีคำสั่งให้ปิดเพลง และ “บิ๊กแดง” ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนสั่งให้เปิดเพลงหนักแผ่นดิน ตามสถานีวิทยุทุกแห่งของกองทัพบก
เพลง “หนักแผ่นดิน” สร้างแรงสั่นกระเพื่อมช่วงบรรยากาศหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ต่ำกว่า 7 ริกเตอร์..
ถึงขนาดนักวิชาการ นักการเมืองหลายๆ คน ถึงกับผวาแรงสั่นกระเพื่อมดังกล่าว ว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 25 มี.ค.นี้หรือเปล่า?
แต่ที่แน่ๆ เพลง “หนักแผ่นดิน” สั่นกระเพื่อมไปถึงรุ่นพ่อผู้ล่วงลับ นั่นคือ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.สส. ผู้นำการทำรัฐประหารรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อเดือนก.พ.34
คนรุ่นหลังๆ อาจไม่รู้จัก “บิ๊กจ๊อด” พ่อของ “บิ๊กแดง” เนื่องจาก “บิ๊กจ๊อด” ล่วงลับไปตั้งแต่เดือน ส.ค.42 แต่หลังจากลาจากโลกนี้ไปแล้ว ภรรยา 2 คนของ “บิ๊กจ๊อด” ก็เปิดศึกแย่งชิงมรดกจำนวนหลายพันล้านบาท กลายเป็นคดีความกันในศาล และเป็นข่าวโด่งดังในยุคนั้น
ต้องบอกว่า อิทธิพลของเพลง “หนักแผ่นดิน” ทำให้คนรุ่นหลังรู้จักครอบครัวของ“บิ๊กแดง”มากขึ้น เพราะความจุดเดือดต่ำ! ของ “บิ๊กแดง” แท้ๆ
เรื่องราวในอดีตของผู้เป็นพ่อจึงถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้มาถึงประเด็นการปฏิรูปกองทัพ และการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร “เสือออนไลน์” มีโอกาสคุยกับ “นายพล” หัวก้าวหน้า 2-3 คน ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะ“ปฏิรูปกองทัพ” เพื่อลดจำนวนนายพลที่มีมากเกินภารกิจ และลดจำนวนทหารเกณฑ์ ที่มีมากเกินความจำเป็นในสถานการณ์โลกปัจจุบัน
ปัจจุบันกองทัพไทย (บก-เรือ-อากาศ) มีทหารประจำการประมาณ 335,000 คน มีกำลังสำรองอีก 290,000 คน แต่มีนายพลประมาณ 1,500 คน ถือว่ามากที่สุดในโลก
ขณะที่อเมริกา มีทหาร 1,400,000 คน แต่มีนายพล 900 คนเท่านั้น ส่วนเกาหลีใต้ถ้าไม่ใช่หน่วยรบ จะไม่ให้มีนายพล
แต่กองทัพไทย เมื่อถึงฤดูแต่งตั้งโยกย้ายครั้งหลังสุดเดือน ก.ย.61 มีการโยกย้ายนายพล 935 คน ในจำนวนนี้ 40% เป็นตำแหน่ง “ไขมันส่วนเกิน” ในกองทัพ ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ชำนาญการ และที่ปรึกษา
ถ้าเทียบจำนวนทหารไทยกับอเมริกา กองทัพไทย น่าจะมีนายพลแค่ 400 คนเท่านั้น เพื่อประหยัดงบประมาณ และโลกปัจจุบันมีแต่ภัยก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ โอกาสเกิดสงครามระหว่างประเทศเป็นไปได้ยาก
สำหรับการยกเลิกการเกณฑ์ทหารนั้น ถ้ากองทัพไม่ทำเกินภารกิจหลัก จะสามารถลดทหารเกณฑ์จากปีละกว่า 100,000 คน ลงมาเหลือ 50,000 คนก็พอ!
ในลักษณะของ “ทหารอาสาสมัคร” เช่น ใครเรียนจบป.6 มาสมัครเป็นทหารได้เงินเดือน 11,000 บาท จบม.3 ได้ 13,000 บาท จบม.6 ได้ 15,000 บาท จบปริญญาตรี 20,000 บาท
กองทัพจะได้ทหารอาสาสมัครที่มีคุณภาพเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว
แต่ต้องย้ำเตือนว่า กองทัพอย่าทำงานนอกภารกิจหลัก 2 เรื่อง คือ 1. เตรียมกำลัง 2.ใช้กำลัง นั่นคือ การเตรียมกำลังให้พร้อมในยามปกติ เพื่อไว้ใช้กำลังกับศัตรูนอกประเทศ ส่วนงานอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง ต้องให้กระทรวงมหาดไทยและตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ กองทัพเป็นแค่ฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น
เมื่อกองทัพไม่ทำงานนอกเหนือจากภารกิจ จะสามารถปฏิรูปกองทัพ ลดจำนวนนายพล ยกเลิกเกณฑ์ทหาร มาเป็นทหารอาสาสมัคร จะได้ทหารอาสาฯ ที่มีคุณภาพไว้ใช้ในภารกิจป้องกันประเทศ
ไม่ใช่เอาทหารเกณฑ์ไป “บริการนาย” ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ ซักเสื้อผ้า รีดผ้า เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ อาบน้ำให้หมา หรือขับรถให้เมียนาย อีกต่อไป.
โดย..เสือออนไลน์