การเมืองที่ว่ามี 2 ขั้ว แข่งขันกันจัดตั้งรัฐบาล คือ 1. ขั้วพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และพรรคเล็ก พรรคน้อย รวมกันแล้วกว่า 10 พรรค มีจำนวนเสียง ส.ส. 254 คน
2. ขั้วพรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ และพรรคพันธมิตร รวมกัน 7 พรรค ด้วยจำนวนเสียง ส.ส. 245 คน
ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลมีแค่ 2 ขั้วนี้จริงๆ คือ มีเสียง ส.ส. ต่างกันแค่ 9 คน ถือว่าเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไม่มีเสถียรภาพ จะอยู่ได้ไม่นาน พร้อมที่จะถูกล้มกระดานได้ตลอดเวลา หรือถ้าพูดกันแบบภาษานักเลง! แค่เอามือผลักรัฐบาลก็ล้มแล้ว ต้องเลือกตั้งกันใหม่
แต่ปัญหาขณะนี้ คือ ขั้วที่ 1 (พลังประชารัฐ) ยังไม่นิ่ง! เพราะพรรคตัวแปรสำคัญอย่างประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ยังไม่ตกลงปลงใจที่จะไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีข่าวว่าอยากจะไปร่วมหอกับพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นแค่ความเห็นของสมาชิกบางคนเท่านั้น เช่น นายถาวร เสนเนียม ซึ่งยากจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ อย่างใจจะขาด
แต่ช้าก่อน! “ถาวร” เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ ต้องรอประชุมพรรคในวันที่ 15 พ.ค.62 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แล้วพรรคจึงจะมีมติว่าจะไปร่วมกับขั้วไหนจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ณ ตอนนี้ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯ ยังออกลีลาพลิ้ว! ว่าขอฟังเสียงประชาชนก่อน แล้วจึงจะตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับขั้วไหน...พลังประชารัฐ หรือ เพื่อไทย
กรณีของ “เสี่ยหนู” มีข่าวแตกออกไป 2 กระแส คือ 1. บ้างก็ว่าพรรคภูมิใจไทย อยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการฯ คมนาคม แต่อกหัก! เพราะอีกฝ่ายกลับให้ไปคุมหมอ คือ เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการฯ สาธารณสุข นัยว่าให้พรรคภูมิใจไทย ไปทำนโยบาย “กัญชา” ให้สมใจอยาก!
เมื่อพลาดจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการฯคมนาคม ทำให้ “เสี่ยหนู” ออกลูกยึกๆ ยักๆ อ้างว่าขอฟังเสียงประชาชนก่อน! ทั้งที่ประชาชนก็ไปออกเสียงเลือกตั้งมาแล้วว่าให้พรรคไหนชนะการเลือกตั้ง (ฮา)
2. “เสี่ยหนู” และพลพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้อยากไปร่วมกับขั้วไหนทั้งสิ้น แต่ต้องการตั้งตัวเป็นขั้วที่ 3 ทางการเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา ประชาธิปัตย์ และอาจจะต่อสายดึงพรรคเล็ก พรรคน้อยมาร่วมด้วย เพื่อให้ได้เสียง ส.ส. เกิน 100 คน
กลายเป็นขั้วที่ 3 ทางการเมือง เพื่อมีอำนาจต่อรองกับพรรคใหญ่อย่างพลังประชารัฐ และเพื่อไทย
หันมาดูทางฝั่ง “เพื่อไทย” กับสถานการณ์ ณ ตอนนี้ มีสัญญาณจากผู้มีอำนาจในพรรคว่าให้เดินเกมการเมืองไปตามปกติ ไม่ต้องออกนอกลู่นอกทาง เพราะพร้อมที่จะเป็นได้ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน
เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนเป็นรัฐบาล แล้วมีจำนวนเสียง ส.ส. ห่างกันไม่มาก ไม่ถึง 30 คน ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเป็นรัฐบาลอายุสั้น หรือในกรณีพรรคเพื่อไทยต้องเป็นฝ่ายค้าน จะมีท่อน้ำเลี้ยงให้ ส.ส.อย่างไม่ขาด! ไม่ปล่อยให้อดๆ อยากๆ อยู่แล้ว
จากสภาพรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 60 ที่ถูกออกแบบมาอย่างนี้ จึงมีพรรคการเมืองจำนวนมากที่ได้ ส.ส.เข้าไปนั่งในสภาฯ และจำเป็นต้องตั้งเป็น “รัฐบาลผสม” หลายพรรค
พรรคไหน “ผลีผลาม” เดินเกมการเมืองพลาด ทรยศหักหลังประชาชน งานนี้มีรายการ “เสียหมา” แถมจะถูกชาวบ้านสั่งสอนตอนเลือกตั้ง...สูญพันธุ์อย่างแน่นอน...
โดย เสือออนไลน์