รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกาะติดประเด็นร้อนฉ่า กรณีนางนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางไปไต้หวัน ได้โพสต์ในหัวข้อ ”ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล” โดยระบุว่า..
Status quo ที่สหรัฐคิดแบบ Strategic Ambiguity และจีนคิดแบบ Strategic Patience จนเราได้เห็นสันติภาพแบบมีกระทบกระทั่งกันบ้างตลอดมา แต่ก็สามารถทำการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 กำลังจะเปลี่ยนไป
"การเดินทางเยือนไต้หวันของนาง Pelosi คือการทำลายล้างรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน และเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดต่อกองกำลังแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน"
ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ประนาม โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ + รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม + คณะกรรมการกลางสภาประชาชนจีน + คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยกิจการไต้หวัน + คณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาที่ปรึกษาทางการเมือง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน Xie Feng เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง Nicholas Burns เข้าพบ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเยือนไต้หวันของ Pelosi และกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งเลวร้ายมากและผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก ฝ่ายจีนจะไม่นั่งเฉยๆ
กลาโหมจีน เตรียมการซ้อมรบด้วยอาวุธจริง 6 จุด รอบเกาะไต้หวัน ตลอด 4-7 สิงหาคม
ในขณะที่ชาวจีนจำนวนมาก ก็นำเอาคำกล่าวที่ว่า ทั่วทั้งโลกมีเพียงจีนเดียว โดยมีแผนที่เกาะไต้หวันอยู่ตรงใจกลางของคำว่า ประเทศจีน
ส่วนที่ไต้หวัน เกิดความแตกแยก คนกลุ่มหนึ่งออกมาชูป้าย TW US แต่อีกกลุ่มก็ออกมาถือป้ายไล่ให้ Pelosi กลับบ้าน
สิ่งที่พวกเราชาวไทย ควรทำคือ รักษาจุดยืน ไม่เลือกข้าง ไม่ว่าจะเป็น ข้างจีน ข้างสหรัฐ หรือข้างไต้หวัน เราเลือกได้ข้างเดียวคือ ข้างรักษาผลประโยชน์ของไทย เราต้อง monitor สถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย และหากเกิดปัญหารุนแรง ไทยเราเองก็จะสูญเสียในหลายมิติ
คนไทยต้องอย่าขัดแย้ง bully กันเอง โดยเฉพาะในโลก online เพราะการเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ใช่การเชียร์มวย และเราต้องไม่เป็นแฟนกีฬาบ้าคลั่ง (hooligans)