ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 18 ราย ได้แก่ (1) นายอภิมุข บำรุงวงศ์ (2) นายเอกภัทร พรประภา (3) นายอธิภัทร พรประภา (4) นางอรพินธุ์ พรประภา (5) นายประยูร อัสสกาญจน์ (6) นายวสันต์ จาวลา (7) Mr. Shubhodeep Prasanta Das (8) บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด (9) บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด (10) นายสมนึก กยาวัฒนกิจ (11) นางสาวจิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ (12) นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา (13) นางสาวอัยลดา ชินวัฒน์ (14) นางสาวสุร์ศิริ ปรีดาสุทธิจิตต์ (15) นายอิทธิวรรธน์ วรรณะเอี่ยมพิกุล (16) นายมั่นคง เสถียรถิระกุล (17) นายโสภณ วราพร และ (18) นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE)สำนักงาน ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ของกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นการสร้างราคา และข้อมูลจาก บก.ปอศ. กรณีมีบริษัทหลักทรัพย์รวม 10 แห่ง ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบุคคลหลายรายในข้อหาฉ้อโกง โดยทุจริต หลอกลวง ทำให้ได้ไปซึ่งเงินค่าซื้อขายหลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเหตุให้บริษัทหลักทรัพย์ได้รับความเสียหาย และทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE รวมถึงพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องก.ล.ต. ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมและประสานการทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และ บก.ปอศ. เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พบว่า ผู้กระทำความผิดทั้ง 18 ราย ซึ่งมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว ทางเงิน การซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงช่องทางและสถานที่ในการส่งคำสั่งซื้อขาย ได้แบ่งหน้าที่กันในการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 โดยส่งคำสั่งซื้อขายที่มีการจับคู่ซื้อขายกันในปริมาณมาก ทำให้ราคาเปิดของหลักทรัพย์ MORE สูงกว่าราคาปิดของวันก่อนหน้า อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายของหลักทรัพย์ MORE อันเข้าข่ายเป็นฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 18 ราย ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไปพร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าว เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทั้งนี้ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับในกรณีนี้ ก.ล.ต. ได้รับการสนับสนุนข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้ประสานความร่วมมือกับ บช.ก. โดย บก.ปอศ. ในการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการทำงานเชิงรุกร่วมกันในการสืบสวน และตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับตลาดทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจากการบูรณาการการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ก.ล.ต. จะร่วมมือกับพนักงานสอบสวนในการตรวจสอบการซื้อขายในช่วงเวลาอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย