ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะโตร้อยละ 3- 4 โดยรวมเอาการออกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลไปแล้ว 5 แสนล้านบาท และเชื่อว่าในปี 68 เศรษฐกิจจะขยายตัวมากกว่านี้ ปีนี้และปีหน้าไม่ควรจะต้องเอาเป็นเอาตายกับการทำให้เศรษฐกิจขยายตัว เพราะขณะนี้เงินทุนไหลออกไปตลาดสหรัฐหมด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ก็จะส่งผลทำให้เงินบาทของไทยอ่อนค่าอีกด้วยดร.กอบศักดิ์ ยังให้ความเห็นถึงเงินดิจิทัลของรัฐบาลว่า ควรจะทำอย่างตรงไปตรงมา ตอบคำถามของทุกฝ่ายได้ และการออกเป็น พ.ร.บ. ถือว่าทำมาถูกทางแล้วและมีความโปร่งใส และเชื่อว่า นโยบายของรัฐบาลไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพและความเชื่อมั่นหรือเครดิตเรตติ้งจากต่างประเทศแต่อย่างใด เพราะจะเป็นการก่อหนี้เพิ่ม 2-3 เปอร์เซนต์เท่านั้น ยังอยู่ภายใต้กรอบการก่อหนี้ของรัฐบาลพร้อมกับให้ความเห็นถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยว่า ในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ จะเข้าหารือกับปลัดกระทรวงการคลังเพื่อสอบถามถึงนโยบายในการออมเงิน โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนเอสเอสเอฟ ที่ใกล้จะหมดอายุลง อยากให้เปลี่ยนมาเป็นใช้แอลทีเอฟอย่างเดิม เพราะเงื่อนไขที่ดีกว่า ไม่สร้างภาระให้กับผู้ลงทุน พร้อมกับย้ำว่าตลาดหุ้นในขณะนี้อาจจะตกลงอีกนิดหน่อย เพราะเงินทุนยังไหลออก แต่สุดท้ายหากสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เงินเฟ้อควบคุมได้ นักลงทุนก็จะกลับมาลงทุนเหมือนเดิม เพราะนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยชัดเจนว่าจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยดร.กอบศักดิ์ ยังเห็นด้วยกับนโยบายฟรีวีซ่า และอยากให้เปิดพรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มเติมอีกด้วย